“ปิ่นเกล้า”
ทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา
“ปิ่นเกล้า”
ย่านที่หลายคนได้ยินแล้วคงนึกถึงบริเวณฝั่งธนฯ เพราะทำเลนี้จัดว่าเป็นทำเลที่อยู่ในเขตของฝั่งธนฯ บริเวณถนนบรมราชชนนี แยกบรมราชชนนี ไปจนถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งสะพานนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไปเชื่อมกับฝั่งพระนครอีกที ส่วนตัวผมเองเดินทางมาย่านนี้บ่อย ด้วยเหตุผลง่ายๆ เลย… ที่นี่ของกินเยอะ! นี่อาจจะเป็นเหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ สำหรับคนทั่วไปเช่นกัน แต่อีกเหตุผลที่ทำให้ย่านปิ่นเกล้าเป็นย่านที่น่าอยู่ น่าเดินทางมาบ่อยๆ ไม่ใช่แค่ของกินเยอะเท่านั้น แต่ที่นี่มีเสน่ห์อีกหลายด้านที่น่าค้นหา
และวันนี้… จะพาทุกคนไปรู้จักกับย่าน “ปิ่นเกล้า” ย่านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน และยังเป็นอีกทำเลที่ไม่เคยหยุดพัฒนา จะมีอะไรบ้างนั้น? ลองไปดูกันเลย
ปิ่นเกล้าในวันวาน…
ปิ่นเกล้าในวันวานเป็นอย่างไรนะ? หลายคนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะมองภาพไม่ค่อยออกมากนัก ผมเองก็เช่นกัน เราได้แต่ศึกษาข้อมูลจากสื่อต่างๆ เสียส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลที่เราได้มานั้น สิ่งที่ตรงกันคงเป็นการบอกเล่าว่าย่านปิ่นเกล้า เป็นย่านที่เติบโตมาจากชุมชนเก่าแก่บริเวณบางกอกน้อย และเริ่มขยายตัวเป็นชุมชนมากขึ้นหลังจากที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเปิดให้บริการเมื่อ 24 ก.ย. 2516 นั่นก็เพราะการเดินทางของย่านนี้สะดวกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
และเมื่อมองไปถึงที่อยู่อาศัยของย่านนี้ ส่วนใหญ่แล้วการเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยของย่านปิ่นเกล้าก็ไม่ได้ต่างไปจากย่านอื่นๆ เท่าไรนัก เพราะอาคารส่วนใหญ่จะเป็นอาคารติดถนนใหญ่ และส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ด้านล่างทำการค้า ส่วนด้านบนทำเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนหมู่บ้านจัดสรรในย่านนี้จะขยับออกไปอีกเล็กน้อย
และอานิสงส์จากการเปิดให้บริการของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้านั้น ก็เริ่มมีเหล่า Developer ผุด New Project ใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าจะพูดถึงยุคที่ย่านปิ่นเกล้าเริ่มฮอตขึ้นมา คงเป็นช่วงราวๆ ปี 2526 ครับ เพราะปีนี้จะมี “ห้างพาต้า ปิ่นเกล้า” ที่พ่วงอีกตำแหน่งคือการเป็นสวนสัตว์เอกชนไว้ด้วยนั่นเอง ซึ่งจุดเด่นของห้างพาต้าไม่ใช่แค่การเป็นสวนสัตว์เท่านั้น แต่อีกจุดเด่นที่ทำให้หลายคนให้ความสนใจที่นี่มากก็คือ “ลิฟต์แก้ว” ที่สามารถเทควิวเมืองได้นั่นเองครับ
และอีกสิ่งที่ทำให้หลายคนเริ่มรู้จักย่านปิ่นเกล้ามากขึ้น ก็คือการเปิดตัวของ “เมอร์รี่คิงส์” สาขาปิ่นเกล้าในปี 2531 นั่นเอง ถ้าห้างพาต้าใช้สวนสัตว์เป็นจุดขาย เมอร์รี่คิงส์ก็ใช้สวนสนุกขนาดเล็กๆ มาเป็นจุดเรียกแขกเช่นกัน กลายเป็นว่านี่คืออีกยุคที่คนแห่กันมาย่านปิ่นเกล้ามากขึ้น ซึ่งก่อนหน้าเมอร์รี่คิงส์ก็มี “ห้างเวลโก ปิ่นเกล้า” ที่เป็นอีกห้างสำหรับคนรักการดูหนังมารวมตัวกันที่นี่ จนเมื่อห้างเวลโก ปิ่นเกล้า เกิดไฟไหม้และปิดตัวลง ทำให้เกิดอีกห้างที่ยังคงโดนใจคอหนังและทันสมัยมากยิ่งขึ้นอย่าง “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ในปี 2538 บนพื้นที่เดิมของห้างเวลโกนั่นเองครับ
และในปีเดียวกัน กลุ่มเซ็นทรัลก็เข้ามาเปิดให้บริการศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง “เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า” บริเวณใกล้แยกปิ่นเกล้า ถัดจากเมอร์รี่คิงส์เล็กน้อย ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าย่านไหนถูกเซ็นทรัลบุกมาตีตลาด นั่นหมายความว่าย่านนั้นกำลังจะกลายเป็น “ทำเลศักยภาพ” อย่างแน่นอน
ปิ่นเกล้าในวันนี้…
แล้วปิ่นเกล้าในวันนี้เป็นอย่างไร? ซึ่งหากมองย้อนไปในอดีต เราคงรู้กันดีกว่าประเทศไทยผ่านวิกฤตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่ (Economic Bubble) ในช่วงปี 2540 หรือจะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้ง (Asian Financial Crisis) ที่ก่อให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจทั่วโลกเนื่องจากการแพร่ระบาดทางการเงินที่เกิดขึ้นในปีเดียวกันอีกด้วย แน่นอนว่าเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง แต่ในจังหวะที่เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวประมาณ 5 ปีให้หลัง เศรษฐกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินได้ตามปกติ และจะมีอีกหนึ่งธุรกิจที่กลับมาเฟื่องฟูจนน่าสนใจ นั่นก็คือ “อสังหาริมทรัพย์” แน่นอนครับว่าย่านปิ่นเกล้าเป็นอีกย่านที่ได้รับความสนใจจากเหล่า Developer หลายเจ้า ซึ่งยุคแรกๆ นั้นก็จะมีกลุ่มบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ที่เข้ามาบุกตลาดทำเลนี้เป็นรายแรกๆ ซึ่งจากข้อมูลที่ทราบมาเรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากๆ และนี่ก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปิ่นเกล้า เริ่มมีการเข้ามาของโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง
เมื่อก่อนนั้น การเดินทางในปิ่นเกล้าจะมีเพียงแค่รถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะเท่านั้น หลายครั้งที่เราจะเห็นภาพผู้คนมายืนออกันบริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางของแต่ละคน แต่ภาพในปัจจุบันนี้ต่างไปจากเดิม เพราะด้วยการเข้ามาของรถไฟฟ้า ที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วในอนาคต ปิ่นเกล้าจะมีรถไฟฟ้าเข้ามาอีกถึง 3 สายด้วยกัน ได้แก่…
◼️ สายสีส้ม (ตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – บางกะปิ – มีนบุรี)
◼️ สายสีแดงอ่อน (ศาลายา – ตลิ่งชัน – บางซื่อ – พญาไท – มักกะสัน – บางบำหรุ)
◼️ ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ – หัวลำโพง – ท่าพระ – บางแค – พุทธมณฑลสาย 4)
ซึ่งรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายนี้จะเชื่อมต่อกันทั้งหมดที่สถานีบางขุนนนท์ และในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีส้มกับสายสีแดงอ่อน จะมาเชื่อมต่อกันอีกครั้งที่สถานีธนบุรี – ศิริราช (เป็นสถานีถัดจากสถานีบางขุนนนท์) เรียกได้ว่าการเข้ามาของรถไฟฟ้าจะช่วยยกระดับ ทำให้ปิ่นเกล้ากลายเป็นทำเลที่บูมมากขึ้นอีกเท่าตัวอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีการเดินทางภายในย่านนี้ผมมองว่าค่อนข้างสะดวกสบายอยู่แล้ว เพราะตัวเลือกการเดินทางค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ วินมอเตอร์ไซต์ แท็กซี่ โดยเส้นทางการเดินทางมีทั้งถนนเส้นหลัก เส้นรอง และทางด่วนพิเศษ (ด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอก)
โดยการเดินทางด้วยรถ ราง ในย่านนี้มีครบแล้ว การเดินทางด้วยเรือก็มีเช่นกัน อย่างท่าเรือปิ่นเกล้า ที่สามารถเดินทางต่อไปยังย่านอื่นได้ หรือจะเดินทางต่อไปยังนนทบุรีก็ได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากห้างสรรพสินค้าที่มีมาตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันเกิดห้างและ Community Mall ใหม่ๆ ขึ้นอีกเยอะ และไหนจะการเดินทางที่เอื้อความสะดวกอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมที่ทำให้ปิ่นเกล้ากลายเป็นย่านน่าอยู่ และน่าลงทุนมาโดยตลอด
จากย่านที่อยู่อาศัยในชุมชนเก่าแก่…
สู่ย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง!!
คำนี้ไม่ผิดหรอกครับหากจะใช้กับย่าน “ปิ่นเกล้า” เพราะอย่างที่เราทราบกันไปแล้วว่าปิ่นเกล้าในอดีตคือย่านที่อยู่อาศัยในชุมชนเก่าแก่มาก่อน แต่การเข้ามาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 4 ห้างดังอย่าง พาต้า, เวลโก, เมอร์รี่คิงส์ และเซ็นทรัล เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง จากย่านสงบๆ กลายเป็นย่านที่คึกคักขั้นมาถนัดตาเพราะผู้คนต่างก็อยากที่จะเดินทางเข้ามาเช็กอินที่นี่กันทั้งนั้น จนวันเวลาผ่านมา… เราอาจจะเห็นภาพความเป็นชุมชนเก่าแก่อยู่บ้าง แต่ก็หาดูได้น้อยแล้วครับ เพราะการเกิดใหม่ของโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ หรือจะเป็นโครงการแนวสูงอย่างคอนโดฯ ที่มีตั้งแต่ Segment ระดับ Super Economy ไปจนถึง Luxury ที่เป็นแบรนด์ดังติดตลาดหลายๆ แบรนด์
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือคอนโดฯ ที่เกิดขึ้นในย่านนี้มากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยมีคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไม? คอนโดฯ แถบปิ่นเกล้าถึงยังคงขายดีทั้งๆ ที่ย่านนี้ยังไม่มีรถไฟฟ้าเข้าถึง แต่พอมองย้อนกลับไป ไม่ใช่แค่การมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำในย่านนี้เท่านั้น แต่เรื่องของโครงข่ายคมนาคมคืออีกจุดชูโรงที่ทำให้แต่ New Project ของแต่ละ Developer ที่เข้ามาตีตลาดย่านนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีกลับไปด้วย เพราะถ้าหากพูดกันง่ายๆ ก็คือ…
◼️ เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกเพราะมีถนนหลัก 3 เส้นอย่าง ถนนบรมราชชนนี, ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า และถนนจรัญสนิทวงศ์
◼️ ใกล้ทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนรอบนอก
◼️ ในอนาคตมีรถไฟฟ้าเข้ามาถึง 3 สาย (สีส้ม สีแดงอ่อน และส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน)
◼️ รถเมล์ที่ให้บริการกว่า 7 สาย (เช่น สาย 30 เดินทางไปนนทบุรี – สถานีขนส่งตลิ่งชัน, สาย 146 เดินทางไป ตลิ่นชัน – บางแค – ศิริราช หรือจะเป็นสาย 170 เดินทางไปอ้อมน้อย – สถานีขนส่งจตุจักร เป็นต้นครับ)
◼️ วินมอเตอร์ไซต์จำนวนมาก ที่ราคาเริ่มเพียง 15 บาท
◼️ มีรถไฟคอยให้บริการสำหรับเดินทางสู่ภาคใต้และภาคตะวันตก โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้คือ สถานีบางบำหรุ และสถานีตลิ่งชัน
◼️ มีท่าเรือปิ่นเกล้า สำหรับเดินทางไปย่านต่างๆ ได้
ด้วยปัจจัยเพียงแค่นี้ผมว่าเพียงพอสำหรับการเข้ามาตีตลาดของเหล่า Developer แต่ปิ่นเกล้ากลับมามากกว่านั้น เพราะเรื่องของแหล่งอำนวยความสะดวกที่นี่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสถานศึกษาและสถานพยาบาล ซึ่งทั้งหมดที่ผมพูดมา… ย่านปิ่นเกล้ามีครบแล้วครับ ถ้าจะให้ยกตัวอย่างสถานพยาบาลในย่านก็ได้แก่…
◼️ รพ. ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
◼️ รพ. ธนบุรี
◼️ รพ. ตา หู คอ จมูก
◼️ รพ. ผิวหนังอโศก สาขาปิ่นเกล้า
◼️ รพ. เจ้าพระยา
ความเจริญอย่างต่อเนื่องของย่านปิ่นเกล้า ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตและขยายตัวของตัวเมือง หรือที่เรียกว่า Urbanization ที่ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ ชั้นในอย่างเพลินจิต ชิดลม สีลม สาทร และสุขุมวิท จนทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในโซนนี้มีความต้องการขยับขยายครอบครัว หรือบางรายมีการย้ายถิ่นที่อยู่ไปสู่ย่านที่เรียกว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยจริงๆ โดยปัจจัยหลักจะมาจากแหล่งอำนวยความสะดวก และต้องไม่ไกลจากแหล่งที่อยู่เดิมอย่างโซนกรุงเทพฯ ชั้นในด้วยนั่นเอง และปิ่นเกล้า… ก็คือย่านที่ตอบโจทย์ที่สุด!!
เพราะอะไรปิ่นเกล้าถึงตอบโจทย์?
ที่นี่เดินทางสะดวกโดยใช้เส้นทางหลักอย่างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สามารถเลือกใช้สะพานปิ่นเกล้าฯ และสะพานพระราม 8 เพื่อที่จะสามารถเดินทางไปสู่ปลายทางได้อย่างง่ายดายนั่นเองครับ
“ชีวาทัย”
รุกตลาดย่านปิ่นเกล้า
ทำเลศักยภาพย่อมเป็นที่จับตามองของเหล่า Developer เสมอ… และปิ่นเกล้าก็รวมอยู่ในทำเลน่าจับตามองเช่นกันครับ ปัจจุบันมี New Project จำนวนมากเข้ามารุกตลาดทำเลนี้ แต่มีอยู่หนึ่งเจ้าที่ผมว่าน่าสนใจ นั่นก็คือ “ชีวาทัย”
ถ้าพูดถึงชีวาทัย ผมว่าหลายคนอาจจะต้องคิดถึงโครงการแนวราบบ้างแหละครับ เพราะแบรนด์ “ชีวาโฮม” ก็เป็นอีกแบรนด์จากชีวาทัยที่ประสบความสำเร็จในการเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในการเปิดตัว New Project ของชีวาทัยในแต่ละปีนั้นจะไม่เน้นความหวือหวาหรือต้องเปิดตัวแต่ละปีเป็นจำนวนมากๆ แต่เสน่ห์อีกสิ่งของชีวาทัยคือการเฉลี่ยเปิดเพียงปีละไม่กี่โครงการ โดยจะขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา ทำเล และการวิเคราะห์ Real Demand ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนเป็นหลัก และการเปิดโครงการน้อย แต่เน้นไปที่คุณภาพ นี่แหละครับคือเสน่ห์ที่ผมกำลังจะพูดถึง
ชีวาทัยเองเป็นอีกแบรนด์ที่ผมมองว่าแต่ละโครงการนั้น เน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่เอง จะไม่หนักไปยังกลุ่มนักลงทุนมากนัก แต่การเลือกทำเลที่ส่วนใหญ่แล้วเน้นทำเลที่เป็นทำเลศักยภาพ ก็เลยเป็นผลพลอยได้ว่าโครงการต่างๆ จะมีกลุ่มนักลงทุนเล็งเห็นความสำคัญ หรือแม้แต่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีเข้ามาประมาณ 15% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน
ซึ่งผมเองเคยได้อ่านสัมภาษณ์จากคุณบุญ (กรรมการผู้จัดการชีวาทัย) ที่เคยบอกไว้ว่า ชีวาทัยยังเป็นแบรนด์ไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นสิ่งที่จะให้แก่ลูกค้า จะต้องเหนือกว่าเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลที่ใช่ การมอบความคุ้มค่าที่มากกว่า และการให้ความใส่ใจดูแลกับทุกเรื่อง รวมทั้งบริการหลังการขายทั้งก่อนการโอนและหลังโอน ซึ่งในการเลือกทำเลนั้น ผมมองว่าทางชีวาทัยเลือกทำเลที่ค่อนข้างตอบโจทย์คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมากครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทำเลติดถนนใหญ่ หรืออยู่ในชุมชนที่อยู่อาศัยที่แวดล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวก อย่างการส่งคอนโดฯ ใหม่อย่าง “ชีวาทัย ปิ่นเกล้า” มาตีตลาดนั้น ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ตอบโจทย์กับกลยุทธ์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน เดี๋ยวเราลองมาดูความน่าสนใจของโครงการนี้กันครับ
“ชีวาทัย ปิ่นเกล้า”
คอนโดฯ ใหม่ Enjoy Life 360 องศา
โครงการ “ชีวาทัย ปิ่นเกล้า” เป็นคอนโดฯ 13 ชั้น กับ 1 ชั้นใต้ดิน ทั้งหมด 588 ยูนิต ห้องชุดเพื่อการพาณิชย์อีก 5 ยูนิต ที่มาพร้อมส่วนกลางจัดเต็ม ซึ่งต้องบอกว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจตั้งแต่เปิดตัวโครงการจริงๆ เพราะสามารถเก็บยอดขายได้ถึง 150 ห้อง ตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดขาย ถือว่าเป็นอีกความสำเร็จเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้ของชีวาทัยมาก เป็นความสำเร็จที่สวนกระแสตลาดอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมาจริงๆ แต่หากถามว่าแปลกใจมั้ย? ผมเองไม่แปลกใจครับ เพราะการวางกลยุทธ์ของโครงการถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
ราคาที่สมเหตุสมผล
คือความคุ้มค่าสำหรับกลุ่มลูกค้า
การเน้นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด บวกกับทำเลที่อยู่ใกล้เมืองถือเป็นจุดเด่นของโครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า เลยครับ ซึ่งราคาเริ่ม 2.39 ล้าน* กลายเป็นราคาที่คุ้มค่าได้ง่ายๆ เพราะปัจจัยประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความล้ำหน้าในเรื่องของระบบ Home Automation ที่ถูกนำมาใช้ภายในโครงการ และชีวาทัยก็ยังถือว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่ให้ระบบ Home Automation แก่ลูกบ้านฟรีๆ บวกกับคุณภาพที่ไม่มีการปรับลดสเป็กของโครงการ และส่วนกลางที่จัดเต็มหลายโซน ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะคนเมืองที่ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัย
สิ่งอำนวยความสะดวกที่โครงการให้มา…
◼️ Stylish Lobby
◼️ Passion Pool
◼️ Fitness Club
◼️ Steam-Sauna Room
◼️ Creative Co-Working Space
◼️ Kids Room
◼️ Movie Club
◼️ Mail Room
◼️ Waiting Area
◼️ EV Charger
◼️ Home Automation System
◼️ กล้อง CCTV ทุกชั้น
◼️ Security Guard ตลอด 24 ชั่วโมง
◼️ Key Access Control
“ชีวาทัย ปิ่นเกล้า”
กับเสน่ห์ของวิวสะพานพระราม 8 แบบ 360 องศา
การซื้อคอนโดฯ ที่ได้วิวสวย ไม่ต่างจากได้ของแถมราคาแพง!! คำนี้ไม่ได้เว่อร์ไปหรอกครับ เพราะหลายครั้งที่เราต้องเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือกิจกรรมในแต่ละวันนั้น สิ่งที่จะเยียวยาเราได้นอกเหนือจากการนอนพักก็คือ การได้เทควิวสวยๆ ซึ่งแน่นอนว่าวิวเมืองที่ขึ้นชื่อก็คือ “วิวสะพานพระราม 8” นั่นเอง
หลายโครงการเลือกทำเลที่จะให้โครงการนั้นๆ สามารถเทควิวสะพานพระราม 8 ได้ เพราะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการได้ รวมไปถึงราคาที่สูงตามมาด้วย แต่สำหรับที่ชีวาทัย ปิ่นเกล้า ราคายังเป็นราคาที่เอื้อมถึงเช่นเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาก็คือวิวสวยที่เทควิวได้จากบริเวณส่วนกลางอย่าง Passion Pool โดยเฉพาะวิวยามเย็นไปจนถึงวิวกลางคืน ต้องยอมรับเลยครับว่าวิวสะพานพระราม 8 ยังคงเป็นวิวที่สวยอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ
รูปแบบห้องตอบโจทย์การใช้ชีวิต
ด้วยฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
รูปแบบห้องเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นโครงการไหนก็ตาม เพราะสิ่งที่เราคำนึงถึงในแง่มุมของผู้อยู่อาศัยเองก็คือ แปลนห้องที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรานั่นเอง ซึ่งโครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้าไม่ได้มีรูปแบบห้องที่เยอะมาก แต่สิ่งที่โครงการให้มานั้น ผมกลับมองว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงได้ค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ทางยังขายแบบ Fully Fitted ซึ่งทางโครงการจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 Type ได้แก่…
◼️ 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม.
◼️ 2 Bedroom ขนาด 43 – 57 ตร.ม.
ต้องบอกว่าสิ่งที่น่าสนใจคือฟังก์ชันครัวที่ให้มาเป็นครัวปิด ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่ชอบทำอาหาร เพราะไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นอาหารจะลอยฟุ้งเข้าไปในห้อง ส่วนพื้นที่ใช้สอยผมว่าทางโครงการวางแปลนมาค่อนข้างน่าสนใจ แบ่งเป็นสัดส่วนตั้งแต่พื้นที่ห้องนั่งเล่น มุมรับประทานอาหาร ห้องครัว ไปจนถึงพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งแม้ว่าห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom แต่กลับแยกความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องนอนกับโซนอื่นๆ ได้อย่างลงตัวเลยครับ
สำหรับห้องนี้ Floor To Ceiling จะอยู่ที่ 2.55 เมตร ค่อนข้างสูงโปร่งเลยทีเดียว และด้วย Space ที่ขยายมากขึ้น ทำให้รองรับการอยู่อาศัยสำหรับคนที่ต้องการอยู่เป็นครอบครัวได้ดีทีเดียว ซึ่งฟังก์ชันมีการจัดสรรเป็นสัดส่วน เป็นครัวปิดเช่นเดียวกับห้องรูปแบบ 1 Bedroom ส่วนตัวผมเองชอบห้องนี้มาก เพราะเราสามารถใช้งานได้แบบ Full Function ถ้าคนโสดที่ต้องอยู่คนเดียว สามารถปรับอีกห้องนอนให้กลายเป็นห้องทำงานเพื่อรองรับการ Work From Home ได้สบายๆ เลยครับ
“บริการหลังการขาย”
บริการที่เป็นมาตรฐานของชีวาทัย
นอกจากทำเลศักยภาพ ส่วนกลางจัดเต็ม และฟังก์ชันห้องที่ตอบโจทย์แล้ว สิ่งที่ผมชื่นชมมากก็คือเรื่องของ “บริการหลังการขาย” ของชีวาทัย ซึ่งทางชีวาทัยจะมีการดูแลลูกค้าทั้งส่วนของก่อนการโอนและหลังการโอนโดยทีมงาน “ชีวาแคร์” ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งลูกบ้านของชีวาทัยจะสามารถแจ้งปัญหาต่างๆ หรือแม้แต่แจ้งซ่อมผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา และได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Call Center 1260 หรือทางแอพพลิเคชัน Line ซึ่งไม่บ่อยมากนักที่เราจะเห็นบุคคลระดับกรรมการผู้จัดการลงมาช่วยดูแลปัญหาส่วนนี้ของลูกบ้านด้วยตนเอง แน่นอนว่าสิ่งนี้กำลังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่ชีวาทัยมีให้แก่ลูกบ้านของตนนั่นเองครับ
◼️ เว็บไซต์โครงการ : http://bit.ly/2pc9RJW
◼️ Line@ คลิก! : http://nav.cx/eAWh4BJ
◼️ หรือโทร. : 1260
ปิ่นเกล้าในอนาคต…
หากว่าลองมองภาพ “ปิ่นเกล้า” ในวันวานจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการเป็นย่านเชิงพาณิชย์ชั้นนำ ซึ่งความเจริญเริ่มเกิดขึ้นมานานตั้งแต่มีการเข้ามาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จวบจนปัจจุบันนี้ที่มีทั้งโครงการต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาเรื่องของระบบโครงข่ายคมนาคม ซึ่งคอนโดฯ ที่บุกตลาดทำเลปิ่นเกล้ายังเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนจบใหม่ที่กำลังเข้าสู่วัย First Jobber หรือแม้แต่คนที่อยู่ในช่วงวัย Senior ของการทำงาน เพราะหากใครที่มองเรื่องของความสะดวกสบายเป็นหลัก ผมว่าทำเลนี้ตอบโจทย์ และโครงการที่คุ้มค่าก็คือ “ชีวาทัย ปิ่นเกล้า” ด้วยราคาที่เอื้อมถึงนั่นเอง
หากในอนาคตโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายเปิดให้บริการ ผมมั่นใจว่าปิ่นเกล้าจะเปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น จากทำเลที่ตอบโจทย์เรื่องการอยู่อาศัย ก็จะกลายเป็นทำเลที่เหล่านักลงทุนต่างจับตามองมากยิ่งขึ้นด้วยครับ
และนี่แหละครับ… ความน่าสนใจของ “ปิ่นเกล้า” ทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา เรามาจับตามองปิ่นเกล้าในอนาคตกันครับ ว่าที่นี่จะพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน
…นักสืบอสังหา