เมื่อไลฟ์สไตล์คนเมืองคือ “ที่อยู่อาศัยที่ดีกว่า”
เป็นเรื่องปกติครับที่คนเราจะมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าสิ่งนี้คืออีกสาเหตุที่ทำให้เกิดนวัตกรรม หรือ Product ใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมอยู่ตลอดเวลา แน่นอนครับว่าผมกำลังจะเหมารวมถึง “ที่อยู่อาศัย” ด้วยเช่นกัน
ไลฟ์สไตล์ของคนเราในปัจจุบันนี้แตกต่างกันก็จริง แต่ภาพรวมของคนกลุ่มหนึ่งที่คล้ายกันก็คือ “คนเมือง” ซึ่งก่อนหน้าผมเองมองว่าไลฟ์สไตล์คนเมืองกับที่อยู่อาศัยก็คือ ความสะดวกสบาย โดยเน้นเรื่องของการเดินทางเป็นหลัก รองลงมาก็คือแหล่งอำนวยความสะดวก ขอแค่เดินทางจากบ้านสู่ที่ทำงานง่าย และของกินต้องไม่ขาด แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอ
แต่อย่าลืมไปครับ… ข้างต้นผมเพิ่งกล่าวมาว่า คนเรามักจะมองหาสิ่งที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลา!!
ดังนั้นวันนี้เราลองไปดูไลฟ์สไตล์คนเมืองกับ “ที่อยู่อาศัยที่ดีกว่า” กันครับว่าจะเป็นอย่างไร?
ทำเลแบบไหนที่ตอบโจทย์คนเมือง?
เริ่มกันที่สิ่งสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยอย่าง “ทำเล” กันก่อนเลยครับ สิ่งสำคัญในการเลือกทำเลสำหรับที่อยู่อาศัยทุกวันนี้ผมเองกล้าพูดเลยครับว่าไลฟ์สไตล์คนเมืองทุกคน ไม่จำเป็นต้องอยู่ใจกลางเมืองเสมอไป ด้วยความเจริญในปัจจุบันนี้ที่ขยับขยายออกไปยังโซนนอกเมืองมากขึ้น ทำให้ตัวเลือกในการเลือกทำเลสำหรับที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนเมืองทุกวันนี้มีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทำเลที่ขยับออกจากตัวเมือง เต็มไปด้วยความสงบ ส่วนตัว แต่ยังสามารถเดินทางกลับเข้าเมืองได้ง่ายไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ หรือบริการสาธารณะก็ตาม นั่นคือทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
“สุขุมวิท… ตอนปลาย”
ทำเลศักยภาพมาแรงน่าจับตามอง! ที่เหล่า Developer ต่างก็เข้ามาตีตลาดย่านนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยรูปแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทาวเฮ้าส์ และคอนโดฯ ต่างก็เกิดขึ้นในทำเลนี้กันมากขึ้น ด้วยศักยภาพของทำเลที่ไม่เคยแผ่วลง พร้อมกับ Demand ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเป็นทำเลแห่งเศรษฐกิจที่สำคัญนั่นเองครับ และสิ่งที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ดี คงต้องยอมรับว่าการเลือกอยู่คอนโดฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถอยู่เองได้ หรือแม้แต่ในอนาคตก็สามารถต่อยอดลงทุนได้เช่นกัน
ซึ่งผมลองย้อนดูข้อมูลราคาประเมินที่ดินย่านสุขุมวิทตอนปลายช่วงปี 2559 – 2562 จากกรมธนารักษ์นั้น จะเห็นได้ชัดเลยครับว่าราคาที่ดินบนถนนเส้นสุขุมวิทมีราคาประเมินที่โตขึ้นต่อเนื่องทุกปี ซึ่งความเจริญนี้ลากยาวมาจนถึงช่วงสุขุมวิทตอนปลาย ตลอดจนถึงฝั่งบางนาเลยครับ
ทำไม? ถึงต้องเป็น “สุขุมวิทตอนปลาย”
รถไฟฟ้าสายสีเขียวทำหน้าที่เชื่อมต่อทำเลสุขุมวิทตอนปลายกับบางนาให้ง่ายต่อการไปมาในทุกวันนี้ ดังนั้นถ้าจะบอกว่าสุขุมวิทตอนปลายก็คือบางนา ข้อนี้ผมเองก็ไม่ขอเถียงครับ แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คือคำตอบที่ว่า ทำไม? ถึงต้องเป็น “สุขุมวิทตอนปลาย” ซึ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้น คำตอบอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะตอกย้ำว่าที่นี่ดีอย่างไร ซึ่งผมจะยกคำตอบมาเพียง 3 คำตอบหลักๆ ที่สำคัญครับ
1. BTS GREEN LINE : รถไฟฟ้าสายสีเขียวคือหัวใจสำคัญของการเดินทางในย่านนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเหตุผลที่ทำให้คนเมืองหันมาสนใจทำเลที่ขยับออกห่างจากตัวเมืองก็เพราะยังมีสิ่งที่เชื่อมต่อให้พวกเขาสามารถเข้า – ออกตัวเมืองได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ลากยาวตั้งแต่สถานีบางนา ไปจนถึงสถานีสยาม ต่อเดียวถึงใจกลางเมืองเลยครับ
2. MEGA PROJECT : นอกจากจากศักยภาพของระบบโครงข่ายคมนาคมแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ MEGA Project ที่มีอยู่จำนวนมากทั้งในปัจจุบันที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและในอนาคตอีกหลายโครงการด้วย ซึ่งแต่ละโครงการนั้นกลายเป็นแลนมาร์คที่สำคัญ อย่างในอนาคตนั้นจะมีทั้ง Retail และ Mixed Use ที่จะเกิดขึ้นมีอีกประมาณ 9 แห่งครับ ไม่ว่าจะเป็น Marriott 101, 101 The Third Place (Phase 2), Innside Sukhumvit, Sukhumvit Hills, Nailert Bangchak, Nailert Bangchak, Skyrise SKV.64 และ Chatrium City ส่วน 66 Tower และ Bangkok Mall ที่เป็นโครงการในอนาคตด้วยเช่นกันนั้น ปัจจุบันนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกด้วยครับ
3. URBAN EXPANSION & CONVENIENCE LIFE : เรื่องของแหล่งอำนวยความสะดวกถือเป็นอีกสิ่งที่สำคัญครับ เนื่องจากประชากรที่เข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงเทพมีมากขึ้น ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะเห็นแนวทางในการขยับขยาย Project ต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับประชากรได้มากขึ้น พร้อมกับเป็นการเพิ่มศักยภาพไปในตัว อย่างเช่น “Suvarnabhumi Airport Phase 2” ที่มีการขยายตัวเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารให้ได้ 60 ล้านคน/ปี จากเดิมในปัจจุบันคือ 45 ล้านคน/ปี รวมถึงสามารถเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ได้มากถึง 98 เที่ยวบิน/ชั่วโมง จากเดิมอยู่ที่ 68 เที่ยวบิน/ชั่วโมง รวมถึง “Bang Na – Suvarnabhumi Train Line” หรือ รถไฟฟ้า LIGHT RAIL บางนา – สุวรรณภูมิ ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของความสะดวกของการเดินทางไปยังสนามบิน รวมถึงแก้ปัญหารถติดอีกด้วยครับ
ซึ่งคำตอบทั้ง 3 ข้อนี้ก็เป็นอีกคำตอบที่น่าจะชัดเจนมากขึ้นว่าทำไมทำเลสุขุมวิทตอนปลายถึงเป็นทำเลมาแรงที่น่าจับตามองสำหรับกลุ่มคนเมืองที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ด้วยศักยภาพที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมของ MEGA Project ที่สำคัญ ทำให้ Developer หลายเจ้าเห็นความสำคัญข้อนี้ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าแห่งคอนโดฯ เพื่อคนเมืองอย่าง Ananda Development ที่รุกตลาดทำเลนี้ด้วยการผุดโครงการ “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” คอนโดฯ ตึกคู่ดีไซน์สวยที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท – บางนา อยู่ใกล้ๆ กับ BTS บางนาในระยะเดินไม่เหนื่อย 250 เมตรเท่านั้นครับ
IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint โดดเด่นด้วยดีไซน์… เข้าใจชีวิตคนเมือง
“IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” ถือว่าเป็นตึกที่ดีไซน์สวยงามล้ำสมัยตามสไตล์อนันดา โดยโครงการนี้ได้แนวคิดในการออกแบบที่เน้นมิติความกว้าง ด้วยความยาวหน้าโครงการที่กว้างกว่า 90 เมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายและงานดีไซน์ยังผสานสอดแทรกกับธรรมชาติเข้ากับสถาปัตยกรรมได้อย่างแนบสนิท
ซึ่งตัวอาคารนั้นจะถูกออกแบบให้มีลักษณะโค้งมนสะท้อนลายเส้นที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้มีความคล้ายกับภูเขาริมทะเล ซึ่งการดีไซน์งานจริงนั้นถือว่าเหมือนมากเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ตัวอาคารที่ดูทันสมัยยังสอดแทรก Green Element เข้าไปในอาคาร ทำให้เป็นหนึ่งใน Skyline Architecture ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ความเป็น “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ถ้านึกถึงส่วนกลางของ Ananda ผมนึกถึงความจัดเต็มแบบเกินคุ้ม อย่างโครงการ “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” นั้นให้ส่วนกลางมาเยอะเลยทีเดียวครับ โดยจะเริ่มตั้งแต่ Urban Forest ที่อยู่บริเวณด้านล่างของตัวโครงการ ไปยังส่วนของ Lobby และขยับขึ้นไปที่ชั้น 5 ซึ่งจะมีทั้งสระว่ายน้ำ, Co-Working Space, Fitness และ Common Garden ส่วนชั้น 32 จะมี Roof Garden และ Panoramic Lounge ครับ
รูปแบบห้องหน้ากว้าง… ฟังก์ชันจัดเต็มได้มากยิ่งกว่า
ส่วนใหญ่แล้วรูปแบบห้องของคอนโดฯ เรามักจะเจอกับแปลนห้องที่ลึก หน้าแคบ ดังนั้นความโปร่งสบายก็อาจจะน้อยกว่าห้องที่มีหน้ากว้าง ซึ่งจุดเด่นของรูปแบบห้องในโครงการ “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” ก็คือห้องหน้ากว้างนั่นเองครับ
โดยโครงการจะมีรูปแบบห้องด้วยกัน 4 Type ซึ่งแต่ละ Type นั้นหน้ากว้างจะไม่เท่ากันครับ ลองไปดูรายละเอียดกันครับ…
Studio ขนาด 26 ตร.ม.
หน้ากว้าง 5.2-6.2 เมตร
เรียกได้ว่าเป็นอีกความคุ้มค่าตั้งแต่ห้อง Type แรกเลยครับ เพราะห้อง Studio นั้นมีหน้ากว้าง 5.2 – 6.2 เมตร รูปแบบห้องแยกเป็นสัดส่วน พร้อมกับตัวระเบียงที่กว้าง สามารถใช้งานได้จริง แถมฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการอยู่อาศัยอีกด้วยครับ
1 Bedroom ขนาด 36 ตร.ม.
หน้ากว้าง 7.6 เมตร
มาต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom กันครับ ซึ่งห้องนี้หน้ากว้างจัดเต็มมากยิ่งขึ้น 7.6 เมตร พื้นที่กว้างยิ่งขึ้น ก็สามารถใช้สอยแต่ละพื้นที่ได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น ซึ่ง นอกจากนี้ห้อง 1 Bedroom ยังมี Bathtub และ Walk-in Closet มาให้โดยพื้นที่ภายในนั้นมีทั้งโซน Public และ Private ชัดเจน
Duplex 2 ชั้น ขนาด 50 ตร.ม.
เพดานสูง 5.6 เมตร
ขยับมาที่ห้องรูปแบบ Duplex 2 ชั้น ที่โปร่ง โล่ง และอยู่สบายด้วยเพดานโซนห้องนั่งเล่นที่สูงถึง 5.6 เมตรกันบ้างครับ ส่วนโซนห้องนอนนั้นถือว่าโครงการให้พื้นที่มากว้าง อยู่สบาย พร้อมด้วยกระจกทรงสูงเต็มบาน สามารถเทควิวสวยๆ ได้แบบไม่มีอะไรมากั้นเลยทีเดียวครับ
2 Bedroom ขนาด 56 ตร.ม.
หน้ากว้าง 10 เมตร
ปิดท้ายกันที่ห้อง 2 Bedroom ซึ่งทางโครงการมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ 54 ตร.ม. จะมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และอีกห้องซึ่งเป็น Type ใหญ่ที่สุดคือ 56 ตร.ม. จะเป็นมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมกับหน้ากว้างจัดเต็มถึง 10 เมตร โดยระเบียงของห้อง 2 Bedroom นั้นถือว่ากว้างมากครับ สามารถเทควิวได้ตั้งแต่โซนห้องนั่งเล่นไปสบายๆ เลยครับ แถมพื้นที่ครัวยังเป็นฟังก์ชันครัวปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอาหารแต่อย่างใด
เรียกได้ว่าเป็นอีกโครงการที่ตอนนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนเมืองมากครับ สำหรับโครงการ “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” จาก Ananda ที่ดีกว่าตั้งแต่เรื่องของทำเลที่เอื้อเรื่องความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง และการใช้ชีวิต รวมไปถึงดีกว่าในเรื่องของฟังก์ชันภายในโครงการที่จัดเต็มตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงรูปแบบห้อง แน่นอนครับว่าทุกคนต่างก็ต้องแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าเพื่อให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นกว่าเดิม และโครงการ “IDEO Mobi Sukhumvit Eastpoint” ก็เป็นอีกที่อยู่อาศัยที่ดีกว่าที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนเมืองมากที่สุด!!
สำหรับคนที่สนใจโครงการ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิก