“ลงทุนที่อยู่อาศัย”
เลือกแบบไหน? ตอบโจทย์ที่สุด!
เทรนด์อสังหาฯ ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องเช่นนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป? ผมว่าหลายคนคงเกิดคำถามเหล่านี้กันอย่างแน่นอน ยิ่งการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ที่ตอนนี้กำลังมีท่าทีว่าจะกลับมาระบาดอีกครั้ง ทำเอาหลายคนเริ่มคิดกันไม่ตก โดยเฉพาะใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองคงต้องคิดกันหนักกว่าทุกครั้งแน่นอนครับ
ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น เหล่า Developer เองก็ต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เรียกได้ว่าเทรนด์อสังหาฯ ไทยตอนนี้มีเยอะเหลือเกินครับ อย่างที่เห็นกันก่อนหน้านี้ที่ไทยเรามีการแพร่ระบาดของ COVID – 19 หนักๆ ก็คือเทรนด์อยู่ฟรี ซึ่งผมมองว่าภายใต้วิกฤตกลับมี “โอกาส” แทรกมาด้วย แน่นอนครับว่าคนที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดก็คงเป็นกลุ่มผู้บริโภคอย่างเรานั่นเอง
ซึ่งวันนี้… ในยุคแห่งการปรับตัวเช่นนี้… นักสืบอสังหาจะพาทุกคนไปศึกษาการเลือกที่อยู่อาศัยในแบบที่ “ตอบโจทย์เราที่สุด” กันครับ ลองไปดูกันว่า หากเราอยากมีที่อยู่เป็นของตัวเองสักครั้ง จะเลือกแบบไหนให้ได้ที่อยู่ที่ดีที่สุด!!
วิถีคนเมืองยุค New Normal
คอนโดฯ ยังคงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์เสมอ
New Normal
ผมว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับคำๆ นี้ไปแล้วครับ เพราะนี่คือความปกติใหม่ที่ได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของพวกเราทุกคนไปแล้ว โดยเฉพาะการประกอบธุรกิจ และหนึ่งในนั้นก็รวมธุรกิจอสังหาฯ เข้าไปด้วยครับ ช่วงนี้จะเห็นกันบ่อยๆ กับที่อยู่อาศัยที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบรับกระแส New Normal ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดฯ แต่คอนโดฯ จะน่าจับตามองมากกว่าครับ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนยูนิตเยอะ นั่นเท่ากับว่าการอยู่ร่วมกันของคนก็เยอะขึ้น ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่ากลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือทาวน์โฮมอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา!!
เพราะยังไงวิถีคนกรุงฯ อย่างเราๆ ก็ยังคงมองเห็นที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่าง คอนโดฯ สำคัญและน่าจับจองเป็นเจ้าของอยู่ดี แน่นอนครับว่าสิ่งที่คอนโดฯ ตอบโจทย์เรามากที่สุดก็คือเรื่องของทำเล และตามมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่จัดเต็ม รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้คนได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายคนอาจจะเป็นกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะปัจจุบันนี้เราต้องเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 2 เมตรตามกระแส Social Distancing ดังนั้นการปรับตัวของโครงการแนวสูงในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พื้นที่ส่วนกลาง หรือแม้แต่ฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องก็ล้วนแล้วแต่ถูกคิดมาเพื่อให้ตอบโจทย์ข้อนี้แก่ลูกบ้านที่สุด
เพราะแต่ละโครงการล้วนมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของลูกบ้าน ทำให้ “คอนโดฯ” กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับคนเมืองอย่างเราๆ นั่นเองครับ
เมื่อ “ทำเล” กลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกที่อยู่อาศัย
ทำเลไหน? ในกรุงเทพฯ ดีที่สุด!!
คำถามนี้เป็นคำถามที่หาคำตอบยากนะครับ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าแต่ละคนต่างต้องการคำตอบที่ต่างกันออกไป หากวันนี้จะให้ผมบอกว่า “ทำเลโซนพระราม 9 ที่กำลังเป็น New CBD คือทำเลที่ดีที่สุด” แต่ก็คงต้องมีคนย้อนผมกลับมาว่า “ต้องเป็นทองหล่อสิ!” หรืออาจจะถูกสวนกลับมาอีกว่า “จตุจักรสิ! ที่นี่เป็นทำเลที่กำลังพัฒนาเลยนะ” เมื่อคำตอบของทุกคนต่างกันออกไป เราจึงต้องวัดกันที่… ทำเลไหนตอบโจทย์ฉันที่สุด!!!
ลองดูในมุมของคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยสำหรับอยู่อาศัยเองก่อนครับ ปัจจัยแรกในการเลือกที่อยู่อาศัยนั้น ทุกคนคงให้ความสำคัญไปกับระยะทางจากที่ทำงานและที่อยู่อาศัยที่ควรจะอยู่ใกล้กัน ซึ่งตัวเลือกที่หลายคนมองก็คือ ใกล้ถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อไปยังย่านต่างๆ ได้ง่าย จะให้ดีก็ต้องใกล้ทางด่วนเช่นกัน และอีกปัจจัยที่จะสร้างจุดเด่นให้กับโครงการนั้นๆ ได้เป็นอย่างดีก็คือ ใกล้รถไฟฟ้า เพราะปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ คงสืบเนื่องมาจากความสะดวก รถไม่ติด และเวลาที่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งโครงการที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าก็ยังต่อยอดสำหรับการลงทุนได้อีกด้วยครับ
แล้วทำเลไหน?
ยังเกิด Real Demand ต่อเนื่อง
เมื่อโครงการใกล้รถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองเพราะต่อยอดเรื่องของการลงทุนได้ ลองมาดูข้อมูลจากแผนกวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ทำการสรุปทำเลดาวเด่นมาแรงของปี 2563 ซึ่งผมคัดทำเลที่น่าสนใจมาด้วยกัน 3 ทำเลดังนี้ครับ
เริ่มจากที่แรกอย่าง “รอบสถานี BTS ทองหล่อ” ย่านนี้เป็นย่านยอดฮิตอยู่แล้ว และยังคงเป็นย่านที่มี Real Demand อยู่ การแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ผมว่าเป็นข้อดีเหมือนกันสำหรับแง่ของการลงทุน อย่าง “ย่านรามคำแหง – ลำสาลี” สำหรับย่านนี้หากลองย้อนไปหลาย 10 ปีก่อน ที่นี่เปรียบเสมือน Entertainment Hub ของคนกรุงเทพฯ และถือว่าเป็นย่านที่ค่อนข้างมีความเจริญมากทีเดียว แต่หลังๆ มาย่านนี้ดรอปตัวลงเพราะทำเลน้องใหม่วิ่งแซงหน้า แต่พอที่นี่มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี ที่มีกำหนดเปิดให้บริการปี 2566 เข้ามา เหมือนความเจริญในย่านนี้ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างการ Renovate The Mall รามคำแหง 2 ให้กลายเป็น Mixed – Use Complex ก็ถือเป็นการหนุนให้ย่านนี้กลับมาฮอตฮิตเหมือนเดิม
ปิดท้ายที่ทำเล “5 แยกลาดพร้าว” ทำเลนี้หลายคนเรียกว่าเป็น New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เพราะตั้งแต่รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานี 5 แยกลาดพร้าวเปิดตัว ที่นี่ก็คึกคักมากเป็นพิเศษ รวมถึงเหล่า Developer ที่ได้รับอานิสงค์จากโครงการรถไฟฟ้าในครั้งนี้ด้วย โดยโครงการส่วนใหญ่ล้วนเป็นโครงการใหญ่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 146,240 บาท/ตร.ว. และคาดการณ์ว่าในปีนี้ ราคาขายคอนโดฯ ย่านนี้ก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 10% ด้วยครับ
แต่ในส่วนของการลงทุน ผลตอบแทนแต่ละทำเลถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ซึ่งข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้สำรวจพื้นที่กรุงเทพฯ เกี่ยวกับผลตอบแทนในการปล่อยเช่าคอนโดฯ ซึ่งตัวเลขผมว่าน่าสนใจเลยทีเดียวครับ…
ซึ่งจากข้อมูลจะเห็นได้เลยครับว่าทำเลกรุงเทพฯ ยังเป็นทำเลที่น่าลงทุน ถ้าลองยกตัวอย่างมาสักทำเล ลองดูที่ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลางกันครับ ทำเลตรงนี้คือโซนลาดพร้าว, โชคชัย 4, รัชดา และพระราม 9 ที่จะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.7 – 4.9% ต่อปี ในส่วนของการลงทุนปล่อยเช่าอยู่ที่ 13,000 – 20,000 บาท/เดือน ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากศักยภาพของทำเล โดยเฉพาะระบบโครงข่ายคมนาคมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บวกกับทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลางส่วนใหญ่คือ แหล่งงานที่สำคัญของกรุงเทพฯ ผมเองกล้าพูดได้เลยครับว่าทำเลโซนนี้ยังเป็นทำเลที่มีกลุ่ม Real Demand อย่างต่อเนื่อง
จะดีแค่ไหน?
หากซื้อคอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งอยู่เอง และลงทุน
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ช่วงไตรมาสแรกของปี จนส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจ และหนึ่งในนั้นก็คือ อสังหาฯ ผมว่าจนถึงตอนนี้หลายคนอาจจะยังคงตั้งคำถามอยู่ว่า อสังหาฯ ยังน่าลงทุนอยู่ไหม? ซึ่งช่วงนี้สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือการจัด Campaign แบบหมัดต่อหมัดของแต่ละ Developer ซึ่งนั่นส่งผลดีกับคนที่มีเงินเย็นในมือและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง เพราะไม่ว่าจะโปรฯ อยู่ฟรี ช่วยผ่อนต่างๆ หรือแม้แต่ราคาที่กลับไปเหมือนตอน Pre – Sale เรียกได้ว่ากลุ่มลูกค้าอย่างเราๆ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม และพอสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID – 19 เริ่มลดลง สถานการณ์ต่างๆ กลับมาปกติ ในวงการอสังหาฯ ก็เช่นกันครับ ที่คนเริ่มมองหาโครงการให้กับตัวเองมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือกลุ่มนักลงทุน
เมื่อหลายคนเริ่มมองหา Passive Income ในอนาคตสำหรับลงทุน ซึ่งสิ่งนี้เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการสร้างเม็ดเงินจากสินทรัพย์ในมือของเราเอง อย่างคนที่มีสินทรัพย์กลุ่มอสังหาฯ ในมือก็สามารถนำมาปล่อยเช่าได้ ซึ่งผมว่าสิ่งที่จะตอบโจทย์เราที่สุดในวันนี้ก็คือ โปรโมชันของแต่ละ Developer ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนี้เหมาะกับการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่สุด เพราะการแข่งขันของ Developer ค่อนข้างสูง จัดโปรฯ กันหนัก แต่ผลดีกลับตกอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา เพราะนี่คือการลงทุนที่เหมือนมีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ บวกกับในอนาคตมีแนวโน้มที่จะได้กำไรมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในทำเลศักยภาพ แต่งครบ พร้อมอยู่ เพราะสามารถปล่อยเช่าได้เลย
“โปรโมชัน” ที่ใช่!! ต้องให้ทางเลือกแก่เรา
ถ้าสืบเนื่องจากสิ่งที่ผมบอกเล่าเบื้องต้นนั้น สิ่งต่อไปที่เราจะต้องให้ความสนใจในการเลือกที่อยู่อาศัยก็คือ “โปรโมชัน” นั่นเองครับ หลายคนอาจจะไม่ได้ลิสต์รายการนี้ไว้ในรายการสำหรับเลือกที่อยู่อาศัย แต่แท้จริงแล้วโปรฯ เหล่านี้ไม่ได้ Support เพื่อให้ Developer ขายโครงการได้เพียงเท่านั้น แต่ในมุมของผู้บริโภคอย่างเราเองก็มีส่วนได้มากเช่นเดียวกัน ข้อแรกคือ ลดภาระ! เพราะแทนที่เราจะต้องจ่ายหนักก็กลายเป็นเบา และอย่างที่หลายคนทราบว่าราคาเริ่มต้นที่หลายโครงการตั้งไว้นั้น มักจะมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นตามมาด้วย แต่โปรฯ ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะเข้ามา Support ในเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วยการให้ฟรีแก่ ไม่ว่าจะเป็นฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีค่าจดจำนอง หรือแม้แต่ฟรีค่าส่วนกลางที่เรารู้กันดีกว่าตกแต่ปีก็เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นเช่นกัน
และวันนี้ผมเห็นโปรฯ ใหม่จากทาง Major Development ที่ไม่เพียงจัดหนัดจัดเต็มเท่านั้น แต่ความน่าสนใจของก็คือ Campaign นี้ก็คือ การสร้างทางเลือกให้แก่เรา กับ Campaign ล่าสุดอย่าง “#เปย์ หรือ #เท“ ที่ทาง Major คิดมาเพื่อเอาใจคนที่ชอบ #สายเปย์ และคนที่ชอบแบบ #เทหมดหน้าตัก นั่นเองครับ
ใคร? เหมาะกับโปรฯ #เปย์ และใคร?เหมาะกับ โปรฯ #เท
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนครับว่า Campaign “#เปย์ หรือ #เท“ นี้ เป็นการยกเอา 6 โครงการพร้อมอยู่บนทำเลคุณภาพที่ทั้งเดินทางสะดวก ทั้งยังแวดล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการมาจัดโปรฯ สุดคุ้มที่ให้เราเลือกได้ตามใจ
สำหรับโครงการที่เข้าร่วม Campaign นี้ได้แก่…
◼️ Maestro 01 Sathorn – Yenakat
◼️ Maestro 03 Ratchada – Rama 9
◼️ Maestro 14 Siam – Ratchathewi
◼️ Maestro 19 Ratchada19 – Vipha
◼️ M JATUJAK
◼️ Reflection Jomtien Beach Pattaya
#สายเปย์ตัวจริง
ต้องบอกว่าเทรนด์อยู่ฟรีกำลังมาแรง ซึ่งทางเลือกแรกนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งในระยะสั้นและยาว เพราะทาง Major เปย์ให้อยู่ฟรีโดยไม่ต้องจ่าย* ทั้งส่วนของเงินต้น เงินดอก และค่าส่วนกลาง นานสูงสุดถึง 3 ปี*
#สายเทให้หมดหน้าตัก
ส่วนสายเทหมดหน้าตักนั้น ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ต้องการเงินไว้ต่อยอดสำหรับใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกครับ เพราะโปรฯ สำหรับสายเทนั้น ต้องบอกว่าทาง Major จัดหนักด้วยการมอบส่วนลดให้สูงสุดถึง 3 ล้าน* และยังมีส่วนของฟรีเฟอร์! ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า! เป็นอีกความคุ้มค่าที่น่าสนใจเช่นกันครับ
ก็ต้องมาลองดูกันอีกครั้งว่าโปรฯ ไหนจะเหมาะกับเราที่สุด อาจจะพิจารณาจากความต้องการของเราเป็นหลักเลยครับว่าแบบไหนตอบโจทย์ที่สุด ใครอยากได้ความคุ้มค่าระยะยาว ก็เลือกเป็นโปรฯ “เปย์” แต่หากใครที่ต้องใช้นำเงินเก็บส่วนหนึ่งของตัวเองไปต่อยอดประโยชน์อื่นๆ ได้อีกก็อาจจะเลือกโปรฯ “เท” ได้ครับ ลองมาดูรายละเอียดจุดเด่นของแต่ละโครงการใน Campaign นี้กันครับ
Maestro 01 Sathorn – Yenakat
คอนโดฯ สไตล์ยุโรปคลาสสิกที่ไม่ได้เด่นแค่เรื่องของดีไซน์ที่งดงามเท่านั้นครับ แต่ที่นี่ยังโดดเด่นไปด้วย Multi – Function ที่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างเช่นตัว Multipurpose Balcony ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่ Living Area ให้ดูกว้างมากยิ่งขึ้น ก็ยังใช้เป็นระเบียงตากอากาศได้อีกด้วย
Maestro 03 Ratchada – Rama 9
ด้วยส่วนกลางที่เอาใจคนเมืองที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ ด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว สามารถเปิดรับแสงและการถ่ายเทของลมธรรมชาติได้ เป็นการสร้างความกลมกลืนของสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นกับผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำแบบ Semi – Indoor และสวนที่ตรงศูนย์กลาง ทำให้สามารถเทควิวได้จากทุกอาคารที่พักอาศัย
Maestro 14 Siam – Ratchathewi
ที่นี่มีการผสมผสานที่ลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารี และการออกแบบที่ได้ Inspiration ของชีวิตที่ทันสมัย จนได้นิยามคำว่า Contemp – Minimalism ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ และยังมีการ Build-in ตู้เก็บของตามจุดต่างๆ ภายในห้อง และเตรียมพื้นที่รองรับ Work From Home ที่สำคัญคือโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าราชเทวีประมาณ 300 เมตร และห่างจากสยามประมาณ 1 กม. เท่านั้นครับ
Maestro 19 Ratchada19 – Vipha
สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ได้ Inspiration จาก Industrial Loft ที่ผสานเข้ากับการฟังก์ชันโดดเด่นอย่าง Hybrid Sliding Door ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันห้องได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะกั้นเป็นครัวปิด หรือสไลด์ปิดเป็นประตูตู้เสื้อผ้าก็ทำได้ และยังพิเศษด้วยการออกแบบ Layout ให้มีห้องหน้ากว้างสูงสุดถึง 12 เมตร
M JATUJAK
อีกโครงการที่น่าสนใจด้วยคอนเซ็ปต์ The Urban Forest ในสไตล์ Modern Tropical เป็นการนำเอาเส้นสายและโทนสีของธรรมชาติมาพัฒนาในรูปแบบของ Vertical Pattern และเลือกใช้โทนสี Earth Tone เป็นการสร้างความอบอุ่น เงียบสงบ ทำให้ตัวอาคารและห้องพักภายในโครงการน่าอยู่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งส่วนกลางยังจัดเต็มด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ และ Indoor Sport Area ถือว่าเป็นอีกโครงการที่จัดเต็มมากจริงๆ ครับ
Reflection Jomtien Beach Pattaya
ปิดท้ายด้วยโครงการระดับ Luxury ที่อยู่ในทำเลพัทยาครับ ที่นี่มีจุดเด่นหลายอย่างเลยครับ โดยเฉพาะ Signature Crown บนยอดอาคารคู่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คของพัทยา นอกจากนี้ยังมีส่วนกลางแบบ Outdoor ที่สามารถเทควิวทะเลสวยๆ ได้ และยังมี Moon Roof Window ที่ออกแบบให้ยื่นออกมาจากตัวตึก เป็นดีไซน์เฉพาะยูนิตพิเศษ พร้อมระเบียงกว้าง และราวกันตกแบบโปร่งใส สามารถเปิดรับวิวทะเลได้เต็มตา 180 องศาเลยครับ
หากใครที่สนใจโครงการพร้อมอยู่ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการอยู่อาศัยเอง และการลงทุนในเครือของ Major สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ >> https://bit.ly/30tA2vC
ซึ่งผมต้องกระซิบบอกก่อนครับ สำหรับคนที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ใน Campaign นี้ ทาง Major ยังคงจัดหนักให้อีกด้วยการฟรีทุกค่าใช้จ่ายจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น…
✔️ ฟรี ค่าโอนกรรมสิทธิ์
✔️ ฟรี ค่าจดจำนอง
✔️ ฟรี ค่าส่วนกลาง
✔️ ฟรี ค่ากองทุน
✔️ ฟรี ค่าติดตั้งมิเตอร์ไฟ
ซึ่งสำหรับคนที่ลงทะเบียนนั้น จะได้รับสิทธิ์ซื้อคอนโดฯ ในราคาพิเศษอีกด้วยครับ ความพิเศษไม่ได้หมดเพียงแค่นี้… เพราะถ้าหากพูดถึงโครงการต่างๆ ของ Major มีหลายโครงการที่ผมชอบ เพราะอย่างที่หลายคนทราบว่า Developer ที่เป็นผู้เซตเทรนด์ “Pet Friendly Residence” ก็คือ Major ดังนั้นภาพจำต่อมาของทุกคนที่มีต่อ Major ก็คือ Developer รายแรกของประเทศที่เริ่มทำอสังหาฯ ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้นั่นเองครับ ดังนั้นที่อยู่อาศัยของ Major จะค่อนข้างรองรับไลฟ์สไตล์คนได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Pet Lovers ซึ่งแน่นอนว่าโครงการใน Campaign “เปย์ หรือ เท” ก็เป็นโครงการที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เช่นกันครับ และอีกสิ่งที่เด่นมากก็คือเรื่องของการเลือกพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพ ทั้งเรื่องโครงข่ายคมนาคมต่างๆ ที่เอื้อความสะดวก บวกกับแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้โครงการต่างๆ ของ Major เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเลยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับทางเลือกของการ “เลือกที่อยู่อาศัย” ซึ่งนอกจากเรื่องของฟังก์ชันที่โครงการที่ให้มา ทำเลที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ อีกสิ่งที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็คือ “โปรโมชัน” ที่จะสามารถตอบโจทย์และเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้แก่เราได้นั่นเองครับ และครั้งหน้าเพจนักสืบอสังหาจะพาไปเจาะประเด็นไหนนั้น อย่าลืมติดตามครับ
…นักสืบอสังหา