หากพูดถึงทำเลพระราม 9 ผมเชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงจุดตัดระหว่างถนนรัชดาภิเษกกับถนนดินแดง ซึ่งเป็นที่ตั้งของออฟฟิศชั้นนำที่เป็นตึกสูงหลาย ๆ อาคาร อาทิ ตึก SET, ตึก AIA, ตึก G TOWER หรือห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่อย่าง Central พระราม 9 ที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนพระราม 9 ซึ่งบริเวณที่พูดถึงนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของถนนพระราม 9 โดยถนนจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก มีจุดสิ้นสุดตัดกับทางแยกต่างระดับศรีนครินทร์ ความยาวถึง 9 กม. และถือว่าเป็นถนนที่มีการเติบโตอยู่เป็นระยะ และสิ่งที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในพื้นที่บริเวณนี้ ทั้งพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย การเดินทาง และกลุ่มอสังหาฯ ก็คือ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ MRT นั่นเองครับ
สำหรับบทความนี้ ผมจะพามาเจาะลึกทำเลใจกลาง New CBD พระราม 9 กับการเติบโตของโครงการแนวสูงที่ล้อมรอบไปด้วยโครงข่ายคมนาคมครบทุกรูปแบบ รวมไปถึงการการเข้ามาของความเจริญ โดยเฉพาะอาคารสำนักงานสำคัญขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุผลให้คนส่วนมากย้ายเข้ามาอยู่อาศัยบนทำเลนี้ครับ
ถนนจตุรทิศ เป็นถนนสายหนึ่งที่พาดผ่านย่านพระราม 9 แต่มีจุดเริ่มต้นมาจากแยกราชปรารภในเขตราชเทวี ซึ่งถนนเส้นนี้เข้ามาคลี่คลายการจราจร รถติดสะสม และอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ ตะวันตกและตะวันออก สร้างบนพื้นที่เหนือบึงมักกะสัน ความยาวไปตามแนวใต้ทางยกระดับของทางพิเศษศรีรัช สำหรับพื้นที่ย่านพระราม 9 จะเป็นจุดสิ้นสุดของถนนจตุรทิศ บริเวณจุดกลับรถก่อนถึงจุดตัดถนนอโศก – ดินแดง ครับ
ทำเลพระราม 9 เป็นรอยต่อของเขตเมืองชั้นใน ย่านธุรกิจหลักอย่าง รัชดา สุขุมวิท อโศก เพชรบุรี ทองหล่อ ซึ่งย่านพระราม 9 เองก็ถือว่าเป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ หรือที่เรียกว่า New CBD เนื่องจากมีบริษัทชั้นนำหลายแห่งสำคัญ เข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในทำเลนี้ และเริ่มมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีส้ม ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง, รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, แอร์พอร์ตเรลลิงก์, มอเตอร์เวย์ ทางด่วน และแหล่งช้อปปิ้ง มีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รวมไปถึงโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย อาจเรียกได้ว่า คนที่อาศัยในย่านนี้อยู่ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกรูปแบบเลยก็ได้ครับ
สำหรับใครที่เดินทางโดยใช้รถยนต์เป็นหลัก ย่านนี้มีเส้นทางให้เลือกใช้หลากหลาย เข้า – ออกเมืองได้สะดวก ซึ่ง ทางด่วนพิเศษศรีรัช ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกการเดินทางที่สามารถใช้ได้ เพราะมีจุดขึ้น – ลงอยู่ติดกับถนนจตุรทิศ ซึ่งก็อยู่ในย่านเดียวกันเลยครับ
ต้องยอมรับว่าในช่วงเวลาเร่งด่วน ถนนบริเวณนี้จะมีรถสัญจรค่อนข้างหนาแน่น เพราะเป็นแหล่ง Office Building ของคนทำงาน แต่ข้อดีคือทางเลือกการเดินทางค่อนข้างเยอะ สามารถเปลี่ยนไปใช้รถบริการสาธารณะได้ครับ ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รถไฟฟ้า เพื่อเป็นตัวเลือกการเดินทางที่ดีที่สุด สำหรับย่านนี้จะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ MRTสายสีน้ำเงิน สถานีพระราม 9 และยังใกล้ แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL) สถานีมักกะสัน ซึ่งในอนาคตยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีส้ม บนถนนรัชดาภิเษก ทำให้การเดินทางหากไม่ใช้รถยนต์ก็สะดวกสบายมากเช่นกัน
อย่างที่ผมได้บอกไปในข้างต้นครับว่า ย่านนี้เป็นย่านของคนทำงาน มีอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ AIA Capital Center และยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Central พระราม 9, Fortune Town และ Esplanade รัชดาภิเษก ความเจริญที่เข้ามาในโซนนี้ทำให้กลายเป็นหนึ่งทำเลทองของที่พักอาศัย โดยเฉพาะที่พักอาศัยแนวสูง เป็นโครงการเกิดใหม่ให้เลือกมากมายตลอดเส้นทางรัชดาภิเษก-พระราม 9 ความครบครันของทำเลทำให้ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งที่ที่น่าอยู่ เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ครบพร้อม รวบรวมทุกความสะดวกสบายไว้ในพื้นที่เดียว
อาคารสำนักงาน :
▪ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
▪ AIA Capital Center
▪ G Tower
ห้างสรรพสินค้า :
▪ Central พระราม 9
▪ Fortune Town
▪ Esplanade รัชดาภิเษก
โรงพยาบาล :
▪ โรงพยาบาลพระราม 9
▪ โรงพยาบาลปิยะเวท
สถาบันการศึกษา :
▪ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว. ประสานมิตร)
SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
AIA CAPITAL CENTER
CENTRAL พระราม 9
FORTUNE TOWN
ESPLANADE รัชดาภิเษก
LIFE ASOKE HYPE
“LIFE Asoke Hype” เป็นบูทีคคอนโดมิเนียม สูง 40 ชั้น จำนวน 1,253 ยูนิต บนที่ดินขนาด 5 ไร่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผสานที่สุดทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อที่สุดของชีวิต” ซึ่งโครงการได้ออกแบบให้ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ เพิ่มพื้นที่ใช้งานในลักษณะห้องหน้ากว้าง เปิดมุมมองรับวิวภายนอกได้มากขึ้น นอกจากนี้ ทางโครงการยังเลือกใช้โทนสีแดงในการดีไซน์ เพื่อสร้างจุดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ไว้อีกด้วย
การออกแบบแปลนห้องพักอาศัยให้เป็นรูปตัว L สองตัวซ้อนกันคล้ายรูปตัว W ทำให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวได้อย่างเต็มที่ เช่น ห้องที่หันไปทางด้านทิศเหนือจะเจอวิวตึก LIFE Asoke Rama ส่วนห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกและทิศใต้ จะเป็นวิวตึกสูงระยะไกล ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือกห้องได้จากวิวที่ชอบได้เลยครับ
สำหรับคอนเซ็ปต์ของโครงการ “LIFE Asoke Hype” นั้น เป็น The First Boutique Condominium ที่มุ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มุ่งหาความเป็นอิสระและความสำเร็จในรูปแบบที่ตนนิยาม โดยที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์ ที่สุดของคุณภาพชีวิต ถ่ายทอดผ่าน 3 มิติ ได้แก่
▪ Privacy Design นิยามใหม่ของความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดยุคใหม่ ทั้งงาน Interior และ Landscape Design ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริง อาทิ พื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงอย่าง Secret Seat, Outdoor Running Track และ The Muted Garden
▪ Custom Made พิเศษเหนือระดับสะท้อนการเป็นต้นแบบบูทีคคอนโดที่แท้จริง กับการนำงานศิลป์จากแบรนด์ระดับโลกสัญชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง ‘Moooi’ (มอย) มาใช้ในการตกแต่งภายในล็อบบี้ พร้อมด้วยงาน Painting Masterpiece กับคอนเซ็ปต์ East meets west สร้างความเอ็กซ์คลูซีฟระหว่างผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน ที่มีเฉพาะโครงการนี้โครงการเดียวเท่านั้น
▪ Outstanding Design สร้างบรรยากาศลักซัวรี่ด้วยงานดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมการออกแบบเฉดสี Red Hype เอกลักษณ์เฉพาะ LIFE Asoke Hype ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง AP Design Lab และ World Class Color Designer จากประเทศเดนมาร์ก เพื่อให้โครงการนี้เป็น The First Boutique Condominium ที่แรกและที่เดียว
สำหรับรูปแบบห้องของโครงการนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
▪ Studio 25.5 Sq.m.
▪ 1 Bedroom 30, 30.5, 32 Sq.m.
▪ 1 Bedroom Plus 35, 40 Sq.m.
▪ 2 Bedrooms 1 Bathroom 48.5 Sq.m.
▪ 2 Bedrooms 2 Bathroom 60, 64 Sq.m.
ทางโครงการใช้แนวคิด Interlocked Layout Plan ในการออกแบบแปลนห้อง ทำให้เป็นห้องหน้ากว้างที่เกิดจากการปรับพื้นที่ส่วนห้องน้ำหรือห้องครัวออกไปทางด้านข้าง สามารถเปิดรับวิวและแสงภายนอกได้มากขึ้น นอกจากนั้นการวางแปลนแบบนี้ ยังทำให้มีแบบห้องให้เลือกได้หลายแบบ ซึ่งผู้อาศัยสามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ได้เลยครับ
สำหรับห้องแบบแรกที่จะพาไปชมก็คือ ห้อง Studio 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยขนาด 25 ตร.ม. เป็น Unit Plan ขนาดเริ่มต้นของโครงการนี้ครับ ซึ่งไทป์นี้จะประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ด้านในค่อนข้างกว้าง แบ่งสัดส่วน และกั้นโซนไว้ชัดเจน ทั้งในส่วนของโซน Living Area ที่อยู่บริเวณทางเข้า, ห้องครัว, ห้องนอน และห้องน้ำครับ
และสำหรับห้องนี้ จะเป็น 1 Bedroom เช่นเดียวกัน แต่ห้องจะใหญ่กว่าด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอย 32 ตร.ม. แบ่งสัดส่วนของห้องได้ลงตัวเช่นกัน ทำให้ห้องดูกว้าง ฟังก์ชันครบ ทั้งโซนครัวที่อยู่ด้านหน้า, ห้องน้ำ กั้นห้องนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัว และห้องน้ำ
เปิดประสบการณ์ใหม่กับช่วงเวลาพักผ่อนบนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 5 ไร่ ด้วยการออกแบบชั้น Facilities เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานออกเป็น 3 ส่วน เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ที่จะเน้นเป็นสวนหย่อมหน้าโครงการ บรรยากาศร่มรื่น เมื่อเข้ามาด้านในบริเวณล็อบบี้ ก็จะมีพื้นที่ Private Seat และ Co-Working Space รองรับการทำงานในรูปแบบ Work from Anywhere อย่างเป็นส่วนตัว
นอกจากนั้น บนชั้น 7 ยังมี Facilities ที่รองรับได้ทุกกิจกรรมทั้งแบบ Active และ Passive ด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่พร้อมจากุซซี่ และสวนสีเขียว ส่วนใครที่อยากจะชื่นชมวิวตึกมุมสูงในตอนกลางคืน ก็สามารถขึ้นไปใช้บริการ Rooftop Facilities ดีไซน์สุดล้ำด้วย Sky Lounge พื้นกระจกใส มองเห็นสระว่ายน้ำและวิวสวนมักกะสัน พร้อมกับประสบการณ์ใหม่ของการเดินเชื่อมส่วนกลางด้วย Mirage Sky Path สะพานกระจกใสเสมือนลอยอยู่ในอากาศ ที่ชั้น R และชั้น 40 ได้เลยครับ เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่รอบด้านเลย
THE FINEST FRONT COMMUNITY
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 1 จะประกอบไปด้วย
▪ Spectacular Drop off : จุดรับส่งบริเวณซุ้มทางเข้าที่ตกแต่งโดยจำลองคล้ายซุ้มหินออนิกซ์ ดีไซน์หรูหรา มีเอกลักษณ์ และสอดแทรกไปด้วยความหมายที่มีนัยสำคัญ
▪ The Circle Running Garden : ทางเดินและทางวิ่งออกกำลังกายที่ออกแบบให้เป็นวงกลมซ้อนกัน 2 ชั้น ขนาดรอบ 100 เมตร และ 210 เมตร ทำให้สามารถวนกลับมาวิ่งทางเดิมได้ นอกจากนั้น ยังมี Slope คล้ายกับการเดินขึ้น-ลงเนิน เหมือนได้อยู่ในสวนสาธารณะ ซึ่งตรงนี้ ลูกบ้านสามารถมาออกกำลังกาย เดินเล่น หรือปิกนิกในสวนได้ครับ
▪ Scarlet Foyer : บริเวณทางเข้าล็อบบี้ที่ออกแบบให้เป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ แยกอิสระระหว่างทางเข้า-ออก รองรับไลฟ์สไตล์ New Normal โดยที่ไม่ต้องสัมผัสบานประตู เมื่อเข้ามาจะเป็นโถงต้อนรับขนาดใหญ่ ซึ่งดีไซน์ของแต่ละจุดจะมีฟังก์ชันซ่อนอยู่เพื่อเน้นความเป็นส่วนตัว
▪ Eclectric Lobby : พื้นที่รองรับแขกและลูกบ้านที่ออกแบบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้สอดรับกับ Private in Public
▪ Co-Working Space : อีกหนึ่งโซนสำคัญตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่สามารถนั่งเป็นกลุ่ม และรองรับการประชุม
▪ Smart Mail Box : ตู้เก็บจดหมายและเอกสารของลูกบ้าน
▪ East Meets West Lobby : ล็อบบี้รองรับแขกขนาดใหญ่อีกหนึ่งโซน สูงโปร่งด้วย Floor to Ceiling 9 เมตร และยังมี Co-Working Business Lounge ลอยอยู่บนชั้น 3 จำนวน 2 ห้อง ที่ให้ความเป็นส่วนตัวผ่านการจองล่วงหน้าบน Smart World Application
ELEVATED PRIVATE IN PUBLIC SPACE
พื้นที่ส่วนกลาง Outdoor บริเวณชั้น 7 ประกอบด้วย
▪ The Muted Garden : สวนส่วนกลาง Outdoor ให้บรรยากาศรีสอร์ต มี Loop สำหรับ Jogging และมี Pavillion ให้นั่งเล่น พักผ่อน
▪ Hover Bay Swimming Pool : สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 25×6 เมตร เชื่อมต่อจากุซซี่กึ่ง Indoor ชมวิวสวนมักกะสันในระดับสายตาด้วย Hover Bay ที่มีความสูงเหนือกว่าระดับทางพิเศษศรีรัชฯ
▪ Hover Bay Courtyard : คอร์ทยาร์ดบริเวณปลายสระว่ายน้ำที่มีจุดนั่งพักผ่อนพร้อมปลั๊กไฟสำหรับชาร์ท Smart Devices ต่าง ๆ
EXCLUSIVE PRIVATE IN PUBLIC SPACE
บริเวณชั้น 40 และ Rooftop ได้ถูกดีไซน์งานสถาปัตยกรรมด้วยรูปทรง S-Curve Form ทำให้เป็น Highlight ของโครงการ และยังแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
▪ L-Shaped Sky Pool : สระว่ายน้ำรูปทรงตัว L ความยาว 75 เมตร แบ่งออกเป็นสระทิศใต้ ขนาด 35*5 เมตร และสระทิศตะวันตก 40*7 เมตร
▪ Athletic Sky Atrium : Duplex Sky Fitness หรือฟิตเนส 2 ชั้น ที่แบ่งแยกโซน Cardio และ Functional Training เปิดรับวิวเมืองแบบพาโนรามา พร้อมกับสวนมักกะสัน ซึ่งถ้าหากลูกบ้านจะใช้งานห้องนี้ ก็สามารถจองผ่าน Smart World Application ได้ครับ
TOP OF THE HYPE
ขึ้นมาที่ชั้น R จะเป็น Facilities ชั้นดาดฟ้า ประกอบด้วย
▪ Cinematory Lounge : จุด Highlight Indoor Facility อีกจุดหนึ่งที่ออกแบบพื้นที่เป็นกระจก See Through มองเห็นพื้นด้านล่างซึ่งจะเป็นสระว่ายน้ำ และวิวเมืองแบบ Skyline คู่ขนานไปกับวิวสวนมักกะสัน
▪ Mirage Sky Path : จุด Highlight ที่ไม่เหมือนใคร บริเวณนี้จะเป็นทางเชื่อมไปยังสวนอีกด้านหนึ่ง โดยใช้ทางเชื่อม Mirage Sky Path สะพานกระจกลอยฟ้า เห็นวิวพื้นที่สีเขียวและสระว่ายน้ำชั้น 40
▪ The Forestier : สวนลอยฟ้าบนชั้น Rooftop ที่ต่อจาก Mirage Sky Path ซึ่งลูกบ้านสามารถเข้ามาพักผ่อน หรือนั่งทำงานเงียบ ๆ ได้บนเบาะบุนุ่มขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Mini Privilion
▪ The Astro Deck : จุดชมวิวเมืองแบบพาโนรามา 360 องศา
จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนกลางของ LIFE Asoke Hype ค่อนข้างมีความหลากหลายของการใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ และวิถี New Normal ซึ่งนับว่าเป็นการใส่ใจในทุกรายละเอียดของ AP ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ลูกบ้าน
อีกหนึ่งส่วนสำคัญของการอยู่อาศัยที่คนส่วนมากให้ความใส่ใจเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งโครงการนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาตั้งแต่บริเวณทางเข้าโครงการ อาทิ ระบบไม้กั้นทางเข้าระบบ Easy Pass และระบบอ่านป้ายทะเบียนผ่าน KATSAN บนแอปพลิเคชัน Smart World
เมื่อเข้ามาด้านใน จะเป็นประตูทางเข้าอาคารชุดพักอาศัยแบบ Auto Sliding Door แยกอิสระซ้าย-ขวา ส่วนการเข้าโซนห้องชุดพักอาศัยจะใช้ระบบ Face Scan, Card Reader, Bluetooth Reader และออกด้วยระบบ No Touch Exit Switch รองรับวิถี New Normal ครบวงจร บนพื้นฐานและการพัฒนาระบบ Digital Community ของ AP
“LIFE Asoke Hype” บูทีคคอนโดมิเนียมหรู ทำเลใจกลางศูนย์ธุรกิจย่านพระราม 9 โดดเด่นด้วยดีไซน์และการออกแบบสุดยูนีคที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง AP Design Team และ World Class Color Designer จากประเทศเดนมาร์ก สร้างความเป็นเอกลักษณ์ หรูหรา และไม่ซ้ำใคร อีกทั้งสถานที่ตั้งของโครงการ ยังอยู่ในตำแหน่งใจกลางเมือง ใกล้กับทางด่วนและรถไฟฟ้า รองรับทุกการเดินทาง มุ่งตรงสู่ย่านเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งแหล่งงานและศูนย์การค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เริ่มต้น 3.99 ลบ.* เท่านั้น
สำหรับใครที่กำลังมองหาความลงตัวของการอยู่อาศัยทั้งในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการและทำเลที่ตั้ง ผมมองว่า “LIFE Asoke Hype” เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากครับ
———————————–
สนใจโครงการ ‘LIFE Asoke Hype’
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : https://bit.ly/38W6l9E
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : 1623
พิกัดโครงการ : https://goo.gl/maps/ESAnwRRuzwq3YdFX7