Knightsbridge Collage Sukhumvit 107
ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107
“Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” คอนโดฯ พร้อมอยู่จาก Origin ที่ถือว่าเป็นโครงการตัวที่ 2 ในแบรนด์ Collage ซึ่งตามสเต็ปของ Origin ในการพัฒนาคอนโดฯ ก็คือเน้นความสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษาหรือสถานที่สำคัญที่จะทำให้การใช้ชีวิตของลูกบ้านง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งการบุกทำเลแบริ่งนั้นผมว่าทาง Origin คงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะอย่างที่เรารู้กันครับว่า Origin บุกเบิกมาจากย่านนี้ ซึ่งวันนี้ผมจะพาทุกคนไปสืบโครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” ไปดูกันครับว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ซึ่งแน่นอนครับว่าผมขอเริ่มจากศักยภาพของทำเลก่อนเลยครับ
ทำเลแห่งการเชื่อมต่อ เดินทางสะดวกสู่ใจกลางเมือง ใกล้ BTS แบริ่ง และทางด่วน
ศักยภาพของทำเลโซนแบริ่งในปัจจุบันนี้ นับว่าที่นี่เป็นย่านที่มีศักยภาพในการลงทุนในอนาคตด้วยการเป็นแหล่งการค้าย่าน East Business District (EBD) เศรษฐกิจที่สำคัญฝั่งกรุงเทพตะวันออก อยู่ใกล้ศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฝั่งตะวันออก พร้อมทั้งระบบโครงข่ายคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังย่านต่างๆ ได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับโครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” จะตั้งอยู่ตรงติดปากซอยแบริ่ง 4 และหน้าโครงการติดกับถนนแบริ่งหรือสุขุมวิท 107 นั่นเองครับ ซึ่งจุดเด่นก็คือเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ทำให้การเดินทางของคนในย่านนี้เรียกได้ว่าสะดวกเลยทีเดียวครับ และอีกจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือทำเลตรงนี้ยังมีทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆ ถึง 3 เส้นทาง คือทางด่วนกาญจนาภิเษก, ทางด่วนบางนา และทางด่วนบูรพาวิถีที่ทะลุไปชลบุรีได้เลยครับ
แต่ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องของการเดินทางที่สะดวกที่สุดในย่านนี้คงต้องยกให้รถไฟฟ้าครับ โดยตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแบริ่ง ในระยะ 400 เมตร เดินไม่เหนื่อยครับ ซึ่งตรงนี้ถือว่าสะดวกต่อลูกบ้านที่ต้องใช้รถสาธารณะในการเดินทางเป็นหลักอีกด้วยครับ ซึ่งตัวสถานีแบริ่งยังถือว่าเป็นสถานีแรกที่สามารถเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้สะดวก และยังสามารถเชื่อมต่อกับจังหวัดสมุทรปราการได้ง่ายขึ้นด้วยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการอีกด้วยครับ
ในส่วนของแหล่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการนั้น เริ่มจากซอยโครงการที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ตึกแถว และอาคารพาณิชย์เสียส่วนใหญ่ ทำให้รอบๆ นี้จะมีร้านสะดวกซื้อค่อนข้างเยอะ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการก็มีเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็น The Coast Village, Bangkok Mall และ Lasalle Square อย่างเส้นบางนา – ตราด นี่ถือว่าเป็นอีกเส้นที่ความเจริญจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Central บางนา, Hypermarket อย่าง Big C เลยไปอีกหน่อยก็จะมีทั้ง SB Design Square, Index Living Mall, MEGA บางนา และ IKEA บางนา
และอีกสิ่งที่จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบมากที่สุดคงเป็นเรื่องของสถานศึกษาและสถานพยาบาล อย่างใกล้ๆ กับตัวโครงการก็จะมีทั้ง รร. นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์, รร. บางกอกพัฒนา, รร. เซ็นโยเซฟ บางนา, รร. ลาซาล ส่วนสถานพยาบาลนั้นจะมีทั้ง รพ. มนารมย์, รพ. บางนา และ รพ. ศิครินทร์
วันนี้ผมเลยสรุปจุดเด่นของโครงการมาด้วย ลองไปดูกันครับ
จุดเด่นทำเล
◼️ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแบริ่ง
◼️ ใกล้ทางด่วน 3 เส้น คือทางด่วนกาญจนาภิเษก, ทางด่วนบางนา และทางด่วนบูรพาวิถี
◼️ ใกล้ตลาด ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดสำโรง, อิมพีเรียลสำโรง, The Coast Village, Bangkok Mall, ศูนย์การค้า ลาซาลสแควร์, BITEC บางนา และ Central บางนา
◼️ ใกล้สถานศึกษาและสถานพยาบาลชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น รร. นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์, รร. บางกอกพัฒนา, รร. เซ็นโยเซฟ บางนา, รร. ลาซาล, รพ. มนารมย์, รพ. บางนา และ รพ. ศิครินทร์
“Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” โครงการที่วิวสวยที่สุดในโซนแบริ่ง
อีกจุดเด่นของโครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” ที่น่าจะเป็นจุดแข็งที่สุดในโซน ผมยกให้เป็นเรื่องวิวเลยครับ ด้วยทำเลของที่ตั้งโครงการแวดล้อมไปด้วยที่อยู่อาศัยแนวราบเสียส่วนใหญ่ ทำให้วิวของตัวโครงการไม่ถูกบดบัง ลูกบ้านสามารถเทควิวได้แบบจัดเต็มทุกมุมตึก ซึ่งหากวันไหนฟ้าเปิด ในส่วนของชั้น 26 นั้นยังสามารถเทควิวได้แบบสุดสายตา มองเห็นเขาเขียว จังหวัดชลบุรีได้เลย ส่วนช่วงกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสีเมืองกรุง ก็เรียกได้ว่าเป็นวิวที่สวยมากจริงๆ ครับ
ซึ่งแน่นอนว่าการที่เป็นโครงการที่วิวสวยแบบนี้ การออกแบบส่วนกลางของที่นี่จึงถูกยกไปไว้ที่ชั้นบนจนเกือบหมด โดยการออกแบบอาคารโดยใช้สถาปัตยกรรม The Ultra Modern & Spectacular Architecture ที่ล้ำสมัย โดยที่ชั้นบนสุดนั้นทางโครงการยังออกแบบให้ส่วนกลางมีลักษณะเหมือนกล่องเพชร ล้อมด้วยกระจกทรงสูงแบบเต็มบาน สามารถเทควิวได้แบบจัดเต็ม เราลองไปดูวิวของโครงการทั้งในส่วนกลางวันและกลางคืนกันครับ…
วิวช่วงกลางวัน
ผมชอบการที่โครงการมีพื้นที่ชั้น Rooftop สำหรับลูกบ้านในโครงการสามารถนั่งชมวิวได้ ซึ่งหากวันไหนอากาศเย็นสบายนี่คงเป็นอีกมุมพักผ่อนที่ดีมากเลยครับ
วิวช่วงกลางคืน
ในส่วนของวิวช่วงกลางคืนนั้น ผมถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่ช่วงเย็น จนถึงช่วงดึก ซึ่งแน่นอนครับว่าวิวช่วงกลางคืนที่เทคออกไปจากตัวโครงการนั้นสวยมากจริงๆ ครับ ซึ่งหากวันไหนฟ้าโปร่งไม่มีก้อนเมฆบดบัง พื้นที่ชั้น Rooftop นี้สามารถเป็นมุมดูดาวสวยๆ ได้เลยครับ
คราวนี้เราลองไปดูส่วนกลางของโครงการกันบ้างครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง…
ส่วนกลางระดับพรีเมียม ที่มาพร้อม Sky Facility แบบจัดเต็ม
ในส่วนของโครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” นั้นถูกออกแบบมาในคอนเซ็ปต์ Collage ซึ่งเป็นการผสมผสานดีไซน์ที่เรียบง่ายในโทนโมโนโคลมสีขาว – คลีน – ไบร์ท ตัวโครงการจึงให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายทันสมัย และแฝงความหรูหราไปในตัวด้วยเส้นสาย Dynamic Movement ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือตัวพื้นที่ส่วนกลางแบบ More Space ที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 4 ชั้น ซึ่งหลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออก เราลองไปดูกันดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร…
หน้าโครงการและระบบรักษาความปลอดภัย : ก่อนอื่นเลยเรามาดูกันที่ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการกันก่อนเลยครับ ซึ่งทางเข้า – ออกตัวโครงการนั้นจะเป็นไม้กระดก และใช้การสแกนเข้าด้วยระบบ Bluetooth ซึ่งสะดวกสำหรับวันฝนตกมากครับ เพราะเราไม่ต้องเปิดกระจกเพื่อยื่น Access Card ออกมาสแกน ทั้งยังมี Security Guard ตลอด 24 ชม. อีกด้วยครับ
Automatic Parking : สำหรับที่จอดรถของโครงการจะเป็นระบบ Automatic Parking ทั้งโครงการ มีด้วยกัน 2 Lot ทั้งหมด 107 คัน คิดเป็น 42% ครับ
Playground : ซึ่งก่อนที่เราจะเข้าไปดูส่วนกลางภายในตัวอาคารนั้น ภายนอกจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่พักผ่อนชิลๆ สำหรับนั่งเล่นแบบ Outdoor ได้ ซึ่งช่วงเวลาประมาณบ่ายสองเป็นต้นไป จุดนี้ก็จะมีร่มของต้นไม้ใหญ่สาดเข้ามา ไม่ต้องกลัวว่าแดดจะส่องเลยครับ ร่มรื่นมาก และยังมีส่วนของ Playground สำหรับเด็กๆ รองรับอีกด้วย
Reception Area : พื้นที่นี้จะอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นมุมต้อนรับของโครงการครับ สำหรับใครที่มีธุระติดต่อต่างๆ ก็สามารถเข้ามาติดต่อส่วนนี้ได้เลยครับ ซึ่งประตูทางเข้านั้นจะเป็นประตูอัตโนมัติ เพื่อลดการสัมผัส แต่หลังจากช่วงเวลา 20.00 น. เป็นต้นไปลูกบ้านจะต้องใช้ Access Card สแกนเข้าเพื่อความปลอดภัยครับ
Lobby Double Volume : พื้นที่นี้เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดเด่นของส่วนกลางที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ มุมนี้ใช้เป็นมุมต้อนรับแขกหรือเพื่อนที่มาเยี่ยมลูกบ้านได้ หรือแม้แต่ใช้เป็นมุมพักผ่อนชิลๆ ในช่วงวันหยุดได้ มี Wireless Charger รองรับ การตกแต่งถือว่าสวยงาม แถมยังดีไซน์เป็น Double Volume พร้อมกระจกทรงสูงเต็มบานมองออกไปด้านนอกอาคารได้แบบไม่มีอะไรบดบัง
Library & Car Waiting Area : พื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อกันเลยครับ ทั้งส่วนของ Library ที่ลูกบ้านสามารถใช้เป็นอีกมุมทำงานได้ และยังมีส่วนของ Car Waiting Area ที่ใช้เป็นพื้นที่นั่งรอรถ ซึ่งเมื่อรถมาแล้วเราสามารถเปิดประตูที่เชื่อมต่อโซน Automatic Parking เพื่อรับรถและขับออกไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินไกลแต่อย่างใด สะดวกมากจริงๆ ครับ
Mail Box & Lift : สำหรับพื้นที่โถงลิฟต์นั้นจะต้องใช้ Access Card ในการสแกนเข้ามา โดยตัวโครงการจะเป็นระบบลิฟต์ล็อกชั้นครับ
เราลองขึ้นมาที่ชั้น 26 – 28 กันบ้างครับ ซึ่งพื้นที่นี้จะรวมส่วนกลางทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยทุกชั้นนั้นสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมดเลยครับ
Swimming Pool : เรามาดูที่ส่วนของสระว่ายน้ำกันก่อนเลยครับ ซึ่งตัวสระว่ายน้ำของที่นี่จะถูกดีไซน์ให้เป็น L – Shaped เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool ที่เราสามารถเทควิวจากสระน้ำออกไปได้แบบสุดสายตาเลยครับ
Sky Garden : ถัดมานั้นจะเป็นพื้นที่ของสวนที่มีมุมให้นั่งพักผ่อนรับลมเย็นๆ ได้ ซึ่งในชั้นนี้ก็ยังมีห้องน้ำแยกชาย – หญิง และมีห้อง Steam ให้ในตัวด้วยครับ
ตอนนี้เราขึ้นไปดูที่ชั้น 27 กันต่อเลยครับ…
Social Fitness & GYM : ชั้นนี้จะเป็นในส่วนของ Fitness ที่จะเชื่อมต่อกับโซน Co-Working Space อีกทีครับ ซึ่งในส่วนของ GYM นั้นจะวางเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอไว้เป็นหลัก ซึ่งสายรักสุขภาพน่าจะถูกในโซนนี้ เพราะภายในมีเครื่องเล่นเยอะเลยทีเดียว แถมยังสามารถออกกำลังกายพร้อมเทควิวเมืองได้อีกด้วยครับ
Co-Working Space : สำหรับพื้นที่นี้มีมุมนั่งค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ แต่ละมุมนั้นมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งในช่วงวันหยุดสามารถมานั่งทำงานหรือประชุมงานย่อยๆ กับเพื่อนๆ ได้ พื้นที่ถือว่ากว้างมาก พร้อมกับการตกแต่งยังดูสวยและหรูหราอีกด้วยครับ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อกับ Sky Dining ที่ชั้น 28 ครับ
Sky Dining : การตกแต่งพื้นที่นี้ หรือแม้แต่ส่วนกลางโซนอื่นๆ ของโครงการเรียกได้ว่าดูแพงมากครับ ซึ่งนอกจากการตกแต่งที่ดูแพงนั้น ยังมีวิวที่ดูแพงควบคู่กันมาอีกด้วย ผมว่าลูกบ้านถือว่าได้กำไรกลับมาเยอะเลยล่ะครับ อย่างพื้นที่ของ Sky Dining นั้น ลูกบ้านสามารถใช้วันหยุดมาทำอาหารรับประทานกับครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนๆ สามารถจองสถานที่พิเศษๆ แบบนี้ได้สบายๆ ผ่านแอปฯ ของ Origin ได้เลยครับ
Activity Space : นอกจากนี้แล้วก็ยังมีในส่วนของพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ รองรับไว้ที่ชั้น 28 อีกด้วยครับ
Roof Garden : มาที่ชั้นบนสุดอย่างชั้น 29 หรือ Rooftop กันบ้างครับ พื้นที่ส่วนนี้จะมีทั้งสวนและมุมนั่งดริ้งชมวิวสวยๆ ไว้รองรับลูกบ้านด้วยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับส่วนของโครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” ที่ไม่เพียงแค่จัดเต็มเท่านั้น แต่ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นส่วนกลางระดับพรีเมียมที่มาพร้อมความหรูหรา และวิวที่แพงคุ้มค่าแก่ทุกๆ การพักผ่อนอีกด้วยครับ และคราวนี้เราลองไปดูในส่วนของรูปแบบห้องของโครงการกันบ้างครับ…
รูปแบบห้องฟังก์ชันลงตัว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
โครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” เป็นคอนโดฯ High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 304 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นร้านอะไร ส่วนพื้นที่สำหรับพักอาศัยนั้นจะเริ่มที่ชั้น 8 – 25 ครับ โดยรูปแบบห้องจะมีด้วยกันดังนี้…
◼️ Studio ขนาด 24.00 ตร.ม.
◼️ 1 Bedroom ขนาด 27 – 34 ตร.ม.
◼️ 1 Bedroom Plus ขนาด 33 ตร.ม.
◼️ 2 Bedrooms ขนาด 54 ตร.ม.
สำหรับห้องตัวอย่างทางโครงการมีด้วยกันทั้งหมด 3 Type ไปดูกันครับว่าแต่ละห้องเป็นอย่างไรบ้าง…
1 Bedroom ขนาด 24.40 ตร.ม.
ห้องตอนลึกที่มาพร้อมฟังก์ชันครัวปิด
เริ่มกันที่ห้อง Type แรกอย่าง 1 Bedroom ขนาด 24.40 ตร.ม. กันก่อนเลยครับ ห้องนี้ถือว่าลงตัวกับคนโสด ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริง
ในส่วนของประตูห้องทุกห้องของโครงการให้เป็น Digital Door Lock ของ Samsung ครับ ใช้งานได้ 4 ระบบ คือใช้รหัสผ่าน คียการ์ด กุญแจ หรือจะปลดล็อกผ่านสมาร์ทโฟนก็ได้ครับ
ซึ่งพื้นที่ส่วนแรกจะเป็นครัวปิดที่ทางโครงการกั้นมาให้แล้วครับ โดยพื้นที่ส่วนนี้ส่วนตัวผมมองว่าไม่แคบเลยครับ มี Space สำหรับวางตู้เย็น เครื่องซักผ้าที่ทางโครงการจัดมาเป็นสัดส่วน โดยครัวของห้องนี้จะเป็นครัวรูปแบบ I – Shaped Kitchen ประตูกั้นจะเป็น 3 ระดับ เปิดได้กว้างมากขึ้น ซึ่งที่ผมชอบอีกอย่างก็คือพื้นที่ไม่ต่างระดับครับ ตรงนี้ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดีเลย
ซึ่งตรงข้ามกับห้องครัวนั้นจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำครับ ภายในแบ่งเป็นสัดส่วน แยกโซนแห้งโซนเปียก ตัวอ่างล้างหน้ายังมีชั้นเก็บของด้านล่าง ถือว่าสะดวก และยังมีปลั๊กไฟรองรับสำหรับสาวๆ ที่ชอบไดร์ผมหลังสระอีกด้วยครับ
ในส่วนของพื้นที่ Living นั้นจะ Combine กับพื้นที่ของห้องนอน ซึ่ง Space ในส่วนตรงนี้จะกว้างมาก ไม่อึดอัดเลยครับ เราวางเตียง 3 – 5 ฟุตได้สบายๆ โดยตัว Floor To Ceiling จะอยู่ที่ 2.6 เมตร แถมยังให้ตัวตู้ใส่เสื้อผ้าที่มีกระจกส่องเต็มบานและชั้นวางของในส่วนที่อยู่ปลายเตียง ใช้เป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือวางทีวีได้สบายๆ เลยครับ
และในมุมหน้าต่างยังมี Bay Window สำหรับเป็นอีกมุมพักผ่อนเทควิวผ่านกระจกห้องได้อีกด้วยครับ ซึ่งในมุมหน้าต่างแบบนี้ ทางโครงการยังได้ติดตั้งม่านระบบไฟฟ้า มีทั้งม่านทึบม่านโปร่งมาให้เรียบร้อย แถมยังเป็นม่านที่กันรังสี UV ได้เกือบจะ 100% อีกด้วย เรียกได้ว่าสะดวกจริงๆ ครับ
และอีกสิ่งที่ผมสะดุดตามากก็คือไฟภายในห้องครับ ซึ่งทุกห้องของโครงการจะได้ไฟดินเนอร์ ปรับลดแสงได้ ซึ่งไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นคอนโดฯ ให้ไฟแบบนี้ ซึ่งไฟดินเนอร์นั้นยังมีระบบเซนเซอร์ในตัวอีกด้วยครับ
1 Bedroom ขนาด 28.80 ตร.ม.
Space ที่ใช้งานได้มากขึ้น พร้อมฟังก์ชันครัวปิดติดระเบียง
ขยับพื้นที่ใช้สอยมาที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.80 ตร.ม. กันบ้างครับ สำหรับห้องนี้คนโสดที่ชอบพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ก็ยังคงตอบโจทย์อยู่ และส่วนคู่รักที่กำลังขยับขยายครอบครัว ถือว่าห้องนี้น่าสนใจเลยทีเดียวครับ
ส่วนแรกที่จะเจอเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็คือ Living Area ที่เชื่อมต่อกับ Dining Area โดยยังมี Space เหลือระหว่างทางเดินเยอะเลยครับ ซึ่งสิ่งที่พิเศษขึ้นมาอีกก็คือจะมีตู้เก็บรองเท้าและของใช้ชิ้นเล็กบริเวณประตูห้องที่ทางโครงการให้มาด้วย ถือว่าสะดวกมากครับสำหรับสาวๆ ที่ต้องการพื้นที่เก็บรองเท้าเยอะ
สำหรับพื้นที่หน้าห้องน้ำจะมีมุมอเนกประสงค์ที่ทางโครงการตกแต่งมาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางของ ซึ่งมุมนี้ผมชอบนะครับ แต่ใครอยากเปลี่ยนเป็นมุมสำหรับวางของตกแต่งต่างๆ ก็ได้เช่นกันครับ
เข้ามาดูในส่วนของห้องน้ำกันต่อครับ พื้นที่ภายในกว้าง ไม่อึดอัด แยกโซนแห้งโซนเปียกเป็นสัดส่วน ตัวฉากกั้น อ่างล้างมือ และสุขภัณฑ์นั้นทางโครงการให้มาเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ
ขยับมาที่โซนห้องครัวกันบ้างครับ แปลนห้องนี้ผมชอบมากครับ โดยเฉพาะครัวปิดติดระเบียง ซึ่งครัวจะมาในรูปแบบ I – Shaped Kitchen ส่วนตัวระเบียงขนาดไม่เล็กครับ สามารถใช้งานได้จริง มีประตูกั้นที่สามารถเปิดระบายอากาศขณะทำอาหารได้
ส่วนพื้นที่ห้องนอนจะเชื่อมกับโซน Living Area แบบ Open Zone ทำให้พื้นที่ใช้สอยดูกว้างมากขึ้น เราสามารถเลือกวางเตียงขนาด 3 – 5 ฟุตได้สบายๆ เลยครับ
1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม.
ห้องใหญ่ ฟังก์ชันจัดเต็ม
ปิดท้ายกันที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่พื้นที่ใหญ่ขึ้น ตอบโจทย์ครอบครัวเล็กที่มีพ่อ แม่ ลูก ด้วยห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มเข้ามาพร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น
สำหรับโซนแรกที่เราจะเจอเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นในส่วนของ Living Area ที่ Combine กับโซน Dining Area พื้นที่ตรงนี้กว้างมากครับ ห้องตัวอย่างวางเซตโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งมา ซึ่งเราวางเป็นเซตใหญ่ขึ้นอีกนิดก็ได้ หรือจะเพิ่มเป็นโต๊ะกลางขนาดเล็กอีกสักตัวก็ได้ เพราะยังมี Space ตรงนี้เหลือเยอะเลยครับ
ในส่วนของพื้นที่ห้องครัวนั้น ทางโครงการตกแต่งมาเป็นฟังก์ชันครัวเปิด รูปแบบ I – Shaped Kitchen ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดี ส่วนติดกันเลยจะเป็นห้องน้ำที่พื้นที่ภายในไม่แคบเลยครับ แถมแยกเป็นสัดส่วน แต่สิ่งที่หลายอาจจะกังวลคงเป็นส่วนของกลิ่นจากห้องครัวที่อาจจะลอยฟุ้งเข้าไปในห้องนอน ซึ่งหายห่วงได้ครับ เพราะแต่ละห้องนั้นจะมีประตูกั้นไว้เป็นสัดส่วน
ตรงส่วนของพื้นที่นี้จะเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งเราสามารถทำเป็นห้องทำงาน ห้อง Walk-in Closet สำหรับสาวๆ ที่เสื้อผ้าหรือของใช้เยอะ หรือจะตกแต่งให้เป็นห้องนอนเล็กเพิ่มก็ได้เช่นกันครับ
ขยับเข้ามาดูที่ Master Bedroom กันบ้างครับ ตรงส่วนของหน้าต่างนั้น ทางโครงการออกแบบมาเป็นกระจกแบบเต็มบานทั้งหมด เราสามารถเทควิวได้แบบไม่มีอะไรบดบังสายตาเลยครับ พื้นที่ภายในกว้างให้สามารถวางเตียงไซต์ใหญ่ได้เลย และยังมี Space สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่บริเวณหัวเตียงได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับรูปแบบห้องของโครงการ ฟังก์ชันต่างๆ ผมชอบการที่ Origin เน้นออกแบบให้ทุกอย่างสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไฟดินเนอร์ที่สามารถปรับลดแสงได้ มีเซนเซอร์รองรับเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือจะเป็นผ้าม่านทั้งแบบโปร่งและทึบที่ติดตั้งมาให้ด้วยระบบกึ่งอัตโนมัติ สั่งการผ่านมือถือก็ได้ และยังมีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ให้มา ล้วนแล้วแต่ลงตัวกับทุกการอยู่อาศัยจริงๆ ครับ
คราวนี้เราลองไปดูกันบ้างครับว่าโครงการนี้เหมาะกับใคร?
โครงการนี้เหมาะกับใคร?
ทำเลสุขุมวิท 107 หรือโซนแบริ่ง จริงๆ แล้วโซนนี้เป็นโซนที่ขยับขยายออกมาจากตัวเมืองอีกที ถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างมีการเติบโตต่อเนื่องและอุดมสมบูรณ์ เกิด Real Demand ต่อเนื่องเช่นกัน และด้วยการที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้าง Value ได้มากกว่าโครงการที่อยู่ไกลแนวรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันนี้การเลือกที่อยู่อาศัยตามไลฟ์สไตล์คนเมืองส่วนใหญ่ มักจะเลือกที่อยู่ในทำเลใกล้เมือง แต่ยังสามารถเดินทางกลับเข้าเมืองได้สะดวก ซึ่งข้อดีก็คือความเป็นส่วนตัวนั่นเอง ทำให้เรื่องของทำเลกลายเป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้โครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มของคนที่มองหาที่อยู่อาศัยสำหรับอยู่เอง และกลุ่มนักลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อดีของโครงการนี้ก็คือ เป็นโครงการสร้างเสร็จ และพร้อมเข้าอยู่ ช่วยลดความเสี่ยงให้กลุ่มนักลงทุน และช่วยอำนวยความสะดวกของกลุ่มที่ต้องการอยู่เอง สามารถเก็บกระเป๋า ย้ายเข้าอยู่ได้เลย ดังนั้นผมมองว่าโครงการนี้เหมาะทั้งการอยู่เองและลงทุนครับ
…ดังนั้น ผมขอสรุปมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ
ความเห็นในมุมนักสืบอสังหา
1. ทำเล : ศักยภาพทำเลโซนแบริ่งในปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าเจริญมากจริงๆ ครับ โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทางเข้า – ออกเมืองที่ง่ายและรวดเร็ว แหล่งอำนวยความสะดวกก็ยังแวดล้อมตลอด ถือว่าเป็นอีกทำเลแห่งที่อยู่อาศัยมาแรงเลยทีเดียวครับ
2. ราคา : เริ่ม 2.79 ล้าน* (เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 116,xxx บาท/ตร.ม.) โดยโครงการขายแบบ Fully Fitted พร้อมกับ Built-in เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ซึ่งราคานี้เมื่อเทียบกับศักยภาพของทำเลบวกกับฟังก์ชันและสเปกของโครงการ ผมว่าคุ้มค่าครับ
3. ส่วนกลาง : ส่วนกลางของที่นี่ทำออกมาได้ดีมากจริงๆ ครับ ซึ่งผมเองชอบการยกส่วนกลางไปไว้ชั้นบนสุดเพื่อให้ลูกบ้านได้สามารถเทควิวที่สวยและดีที่สุดในโซนแบริ่ง ไปพร้อมๆ กับการได้ใช้ส่วนกลางระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์
4. รูปแบบห้องและสเปก : เรื่องสเปกและฟังก์ชันของแบรนด์ The Origin ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าอยู่แล้วครับ ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับระบบ Home Automation ด้วยแล้ว ผมว่าการใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดฯ ของ Origin คงกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากแน่นอนครับ
5. การลงทุน : อย่างที่บอกไปครับว่าโครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่มองหา Passive Income ด้วยการเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า บวกกับการที่คนเมืองเริ่มขยับขยายออกมาอยู่รอบๆ ตัวเมืองกันมากขึ้น ทำให้โครงการ “Knightsbridge Collage Sukhumvit 107” กลายเป็นอีกโครงการที่น่าลงทุนในระยะยาวมากครับ
สำหรับใครที่สนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับรายละเอียดและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิก