MILES Ratchada-Ladprao
ไมลส์ รัชดา – ลาดพร้าว
ทำเลน่าจับตาของกรุงเทพฯ ทุกวันนี้ ถ้าพูดย่านที่มีครบและตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ ผมยอมรับว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีทำเล “รัชดา – ลาดพร้าว” ติดโพมาด้วยอย่างแน่นอน เพราะต้องยอมรับว่าทำเลนี้เป็นอีกทำเลที่เป็นเหมือนย่านธุรกิจที่ผสมผสานระหว่าง “ที่อยู่อาศัย” และ “การทำงาน” ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว กลายเป็นว่าย่านรัชดา – ลาดพร้าว เป็นอีกย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากมาย และแน่นอนครับว่าความน่าสนใจของย่านนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของเหล่า Developer อย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Major Development ที่ได้เข้ามาตีตลาดทำเลนี้อีกครั้งด้วยการปล่อยโครงการใหม่ล่าสุดอย่าง “Miles รัชดา – ลาดพร้าว” ที่มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจภายใต้แนวคิด “Own Your Journey” ด้วยการเปรียบชีวิตเป็นดั่งการเดินทาง และความสำเร็จของแต่ละช่วงเวลาคงเป็นดั่งการสะสมไมล์นั่นเองครับ ซึ่งครั้งนี้ผมว่าค่อนข้างน่าสนใจมากกว่าทุกครั้ง เพราะ Major ทำคอนโดฯ Luxury มาตลอด และครั้งนี้เป็นการหันมาจับคอนโดฯ Low Rise ในทำเลศักยภาพอีกด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแบรนด์มาได้น่าสนใจขนาดนี้ โครงการนี้จะต้องมีมากกว่าการเป็นที่อยู่อาศัยธรรมดาๆ อย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่น… เราไปดูความน่าสนใจของทำเลนี้กันก่อนดีกว่าครับ
“รัชดา – ลาดพร้าว” ทำเล Interchange ที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์
ต้องบอกว่าเมื่อช่วง 6- 7 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ชั้นกลางเป็นทำเลที่มีอัตราการเติบโตขึ้นเฉลี่ยถึง 10% ต่อปี เนื่องด้วยการพัฒนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบโครงข่ายคมนาคม หรือแม้แต่ MEGA Project ต่างๆ อีกหลายแห่ง แน่นอนครับว่าการพัฒนาเหล่านี้ส่งผลให้จากเดิมที่ทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลางมีราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 86,900 บาท/ตร.ม. (ในปี 2556) ก็ขยับขึ้นเป็น 116,000 บาท/ตร.ม. และขยับขึ้นเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้ทำการสำรวจพื้นที่กรุงเทพฯ เกี่ยวกับผลตอบแทนในการปล่อยเช่าคอนโดฯ นั้น จะเห็นได้ว่าทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลางอย่างโซนลาดพร้าว โชคชัย 4 รัชดา และพระราม 9 นั้นให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าสนใจ 4.7 – 4.9% และค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000 – 35,000 บาท/เดือน ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มนักลงทุน หรือแม้แต่คนที่กำลังมองหา Passive Income ในอนาคต เพราะผมเองกล้าพูดเลยครับว่าทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลางในอนาคตจะกลายเป็นทำเลแห่งที่อยู่อาศัยและการลงทุนที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน
ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน
ตัวโครงการ “MILES รัชดา – ลาดพร้าว” จะตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 26 อย่างที่ทราบกันดีครับว่าทำเลตรงนี้เป็นทำเลที่ค่อนข้างเดินทางสะดวกจริงๆ เพราะสามารถเข้า – ออก ได้ถึง 3 เส้นทาง (รัชดา – ลาดพร้าว – วิภาวดี) ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่สำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า ทำเลนี้ก็สะดวกเช่นกันครับ เพราะใกล้ MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 550 เมตร และ MRT สถานีรัชดาภิเษก 650 เมตร
แน่นอนว่าเรื่องของการเดินทาง ทำเลรัชดา – ลาดพร้าวคืออีกทำเลที่ไม่น้อยหน้าย่านอื่นๆ เพราะมีทั้งรถไฟฟ้า MRT และ BTS ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังฝั่งธนฯ และฝั่งสุขุมวิทได้สบายๆ ดังนั้นไม่แปลกเลยครับที่คนส่วนใหญ่จะเทใจให้ทำเลนี้ในการเลือกที่อยู่อาศัยเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะวัยทำงานที่ต้องยึดหลัก Time Control เป็นสำคัญ เพราะการเดินทางในย่านนี้ด้วยรถไฟฟ้านั้นประหยัดเวลาได้เยอะจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเข้าสู่ใจกลางเมือง ถนนรัชดา พระราม 4 เข้าสู่ย่านเมืองเก่าอย่างเยาวราช แล้วข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปถึงฝั่งธนฯ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็สามารถเชื่อมต่อไปยังสวนจตุจักร และโซนสุขุมวิทได้สบายๆ ครับ
นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้า Monorail สายสีเหลือง ตั้งแต่ช่วงลาดพร้าวถึงสำโรงที่เชื่อมสายสีหลืองที่สถานีรัชดา และยัง Interchange กับสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว ที่จะเปิดให้บริการในปี 2564 อีกด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่สะดวกสำหรับคนย่านนี้จริงๆ ครับ
นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ทำเลนี้ยังอยู่ใกล้ทางด่วนอีกหลายเส้น ไม่ว่าจะเป็นทางพิเศษฉลองรัช หรือทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนฯรอบนอก หรือสามารถวิ่งออกมาเส้นวิภาวดีเพื่อขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือโทลล์เวย์ เพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมืองก็ง่ายเช่นกันครับ
ไลฟ์สไตล์ไหนๆ… ก็เชื่อมถึงกันได้
อีกจุดเด่นที่ไม่พูดถึงของย่าน “รัชดา – ลาดพร้าว” ก็คือเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่มีครบ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์จริงๆ ครับ เป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง อย่าง Central ลาดพร้าว, Union Mall, Major Cineplex รัชโยธิน หรือจะเชื่อมไปยังฝั่งรัชดาก็มีทั้ง Central พระราม 9, Fortune Town หรือ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก
นอกจากนี้ยังมีแหล่งช้อปอย่างตลาดนัดกลางคืนที่เป็นตลาดนัดชื่อดังของกรุงเทพฯ อยู่ในย่านนี้อีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัดรถไฟ หรือตลาดจตุจักร ที่หากจะเรียกได้ว่าเป็นแห่งรวมผู้คนก็ไม่ผิดครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากย่านไหน ต่างก็เดินทางมาที่นี่ด้วยกันทั้งนั้นครับ นอกจากนี้ก็ยังมี The Street Ratchada ที่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตทั้งของคนในย่านนี้และคนกรุงเทพฯ อีกด้วยครับ
ศูนย์รวมแหล่งงาน
และปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ย่าน “รัชดา – ลาดพร้าว” กลายเป็นทำเลศักยภาพได้นั้นก็เพราะที่นี่คือแหล่งงานขนาดใหญ่ที่รวมหลากหลายบริษัท หลายธุรกิจ รวมไปถึง Office Building ไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. สานักงานใหญ่, SCB Park, G Tower, AIA Capital Center, อาคารเมืองไทยภัทร หรือจะเป็นการบินไทย
ซึ่งวันนี้ผมได้สรุปจุดเด่นของโครงการ “MILES รัชดา – ลาดพร้าว” มาแล้วครับ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง…
จุดเด่นทำเล
◼️ เดินทางสะดวกด้วยถนนเส้นหลักและเส้นรอง เข้า – ออกได้ 3 สาย รัชดา – ลาดพร้าว – วิภาวดี
◼️ เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้ง MRT, BTS และ Monorail
◼️ ใกล้เพียง 1 สถานี ถึง Central ลาดพร้าว (MRT สถานีพหลโยธิน
◼️ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Central ลาดพร้าว, Union Mall, สวนลุมไนท์บาซาร์ และ, The Street Ratchada
◼️ ใกล้แหล่งงานใจกลางเมือง CBD อย่าง รัชดา – อโศก – สุขุมวิท ที่เดินทางสะดวกเพียง 10 นาที
“MILES” Own Your Journey
และอย่างที่ผมเกริ่นไปก่อนหน้านี้ครับ ว่าโครงการ “MILES รัชดา – ลาดพร้าว” เป็นโครงการที่น่าสนใจด้วยการวางคอนเซ็ปต์อย่าง “Own Your Journey” ด้วยการเปรียบชีวิตเป็นดั่งการเดินทาง และความสำเร็จของแต่ละช่วงเวลาคงเป็นดั่งการสะสมไมล์ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งสำคัญของการเดินทางที่จะทำให้นักเดินทางหลายคนเดินทางไปข้างหน้าได้ต่อก็คือ “ที่พักระหว่างทาง” ให้เราได้พักผ่อนก่อนเริ่มออกเดินทางต่อไป ซึ่งในแต่ละช่วงอายุของคนเรามักจะมีที่พักที่แตกต่างกันออกไป ทางโครงการจึงมีห้องพักแต่ละแบบที่จะเข้ามาตอบโจทย์คนแต่ละช่วงอายุ ซึ่งน่าสนใจเหมือนกันครับ เพราะหลายครั้งปัญหาของการเลือก Type ห้องของคนต่างวัยก็คือ ความต่างที่ยังไม่ลงตัว
ซึ่งทางโครงการได้วางรูปแบบห้องไว้แบบไหน เราไปดูกันดีกว่าครับ…
ความใส่ใจ… ที่มาในรูปแบบห้องพักที่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย
สำหรับโครงการ “MILES รัชดา – ลาดพร้าว” เป็นคอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น ทั้งหมด 205 ยูนิต ซึ่งผมว่าจำนวนยูนิตค่อนข้างส่วนตัวเลยทีเดียวครับ และอย่างที่ผมบอกไปว่าทางโครงการได้จัดสรรห้องพักแบบ FULLY FURNISHED ที่จัด FUNCTION ภายในห้องตอบโจทน์การอยู่อาศัย ทั้ง ครัวปิด, DIGITAL DOOR LOCK ,เครื่องปรับอากาศที่แยกโซนแต่ละห้อง เครื่องฟอกอากาศ AUTOMATIC TOILET SEAT ในทุกยูนิต และ HOME AUTOMATION ในบาง Type ให้เหมาะสมตามช่วงวัยเป็นไซส์ S M L ดังนี้ครับ…
◼️ ตั้งแต่โสด เริ่มทางาน มีที่พักระหว่างทางเป็นห้องไซส์ S
◼️ เมื่อมีครอบครัวก็ขยับขยายไปที่ห้องไซส์ M
◼️ จนไปถึงตอนที่ลูกๆ โตแล้ว และได้ไปเยี่ยมในห้องไซส์ L
ลองไปดูรายละเอียดแต่ละห้องกันครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง…
Room Type S
1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม.
เริ่มจากห้อง Type ที่เรียกว่าเป็นไซส์ S ซึ่งจะเป็นห้องรูปแบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ครับ ห้องรูปแบบนี้ทางโครงการวางให้ลงตัวกับกลุ่มคนโสดที่เริ่มต้นออกเดินทางตามหาความฝัน ตามความถนัด และมี Passion ที่หลากหลาย โดยตัวห้องจะค่อนข้างตอบโจทย์การเป็นที่พักระหว่างการเดินทางสู่ความสำเร็จ จะมีการแบ่งฟังก์ชันการใช้งานภายในห้องเป็นสัดส่วนพอดีกับการใช้ชีวิต และมี Package Price ที่ไม่สูง ทำให้ยังสามารถบริหารรายได้ไปต่อเติมความฝันส่วนอื่นๆ ได้ หลักๆ แล้วจะลงตัวกับกลุ่ม First Jobber ที่เพิ่งต้นชีวิตในวัยทำงานนั่นเองครับ
Room Type M
1+1 Bedroom ขนาด 32,34 ตร.ม.
มาต่อกันที่ห้อง Type ที่ 2 หรือห้องไซส์ M กันครับ สำหรับห้อง Type นี้จะเป็นห้อง 1 + 1 Bedroom ขนาด 32, 34 ตร.ม. ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ขยายมากขึ้น ห้อง Type จึงเหมาะกับกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัว มีลูกเล็ก และมีเป้าหมายเพื่อตัวเองและครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งตัวห้องจะแบ่งเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างตอบสนองการใช้ชีวิต โดยห้องขนาด 34 ตร.ม.จะมี Home Automation ที่ควบคุมระบบเครื่องปรับอากาศ และแสงสว่างผ่าน APPLICATION ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
Room Type L
2 Bedroom ขนาด 40 ตร.ม.
มาถึงห้อง Type สุดท้ายอย่างห้องไซส์ L กันบ้างครับ แน่นอนว่าห้อง Type จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างมากขึ้นแน่นอน โดยห้องจะเป็นรูปแบบ 2 Bedroom ขนาด 40 ตร.ม. ลงตัวกับคนที่ใช้ช่วงชีวิตผ่านการทำงานมาแล้วประมาณ 10 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ต้องดูแลพ่อแม่ หรือผู้สูงอายุในบ้าน ดังนั้นห้อง Type นี้จึงออกแบบมาเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวใหญ่ ลงตัวด้วย Double Master ให้ทุกคนได้มีพื้นที่ส่วนตัว พร้อมมี Home Automationที่ควบคุมระบบเครื่องปรับอากาศ และแสงสว่างผ่าน APPLICATION ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นครับ
ส่วนกลางจัดเต็ม ครบทุกไลฟ์สไตล์
และนอกจากรูปแบบห้องแล้ว อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือพื้นที่ส่วนกลาง เราลองไปดูรายละเอียดคร่าวๆ กันครับว่าส่วนกลางที่นี่มีอะไรบ้าง
G FLOOR
◼️ Lobby
◼️ Mail Box
◼️ Smart Locker
◼️ Laundry Room
◼️ Stepping Stone Park
2nd FLOOR
◼️ Swimming Pool
◼️ Fitness
◼️ Lockers
◼️ Co-Passion Space
◼️ Traveler’s Lounge
◼️ Layover Garden
สำหรับคอนโดฯ รูปแบบ Low Rise กับรายละเอียดส่วนกลางที่โครงการให้มานั้น ผมว่าค่อนข้างจัดเต็มเลยครับ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้ ส่วนกลางของคอนโดฯ Low Rise นั้นจัดเต็มไม่ต่างจากคอนโดฯ High Rise เลยครับ และคราวนี้เราลองไปดูกันบ้างดีกว่าครับว่าโครงการนี้เหมาะกับใครบ้าง…
โครงการนี้เหมาะกับใคร?
สำหรับโครงการ “MILES รัชดา – ลาดพร้าว” นั้นถือว่าเป็นโครงการที่ลงตัวทั้งอยู่เองและลงทุน เพราะด้วยศักภภาพของทำเลทำให้เรื่องของการลงทุนกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหรือคนที่กำลังมองหา Passive Income ในอนาคต เพราะให้ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับการลงทุนปล่อยเช่าประมาณ 4.5 – 5.5%* โดยประมาณ ถือว่าคุ้มค่าในราคาคอนโดฯ Low Rise แต่ได้ทำเลเดียวกับ High Rise ที่สามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินได้ในอนาคตได้
แต่สำหรับคนที่มองเรื่องของการอยู่อาศัยเอง คอนโดฯ นี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์ตั้งแต่กลุ่ม First Jobber ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานไปจนถึงรุ่น Senior ที่อาจจะมีพ่อแม่หรือผู้สูงอายุที่ต้องดูแลเลยครับ ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย ใกล้แหล่งงานและแหล่งอำนวยความสะดวกนั่นเองครับ
…ดังนั้น ผมขอสรุปมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ
ความเห็นในมุมนักสืบอสังหา
1. ทำเล : ตัวโครงการตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 26 ซึ่งทำเลนี้ถือว่าตอบโจทย์ความคุ้มค่าของคนรุ่นใหม่ เพราะโซนรัชดา – ลาดพร้าวถือว่าเป็นทำเลที่รวมทุกไลฟ์สไตล์ไว้ด้วยกัน ทั้งการอยู่อาศัย แหล่งอำนวยความสะดวก และที่สำคัญคือการเดินทางที่สะดวก เพราะเชื่อมต่อย่านต่างๆ ได้ทั้งถนนเส้นหลักถึง 3 สาย (รัชดา – ลาดพร้าว – วิภาวดี) รวมถึงเชื่อมต่อรถไฟฟ้าถึง 3 สาย (น้ำเงิน, เขียว และเหลือง) โดยตัวโครงการจะอยู่ใกล้ MRT สถานีลาดพร้าวและสถานีรัชดาภิเษก
2. ราคา : เริ่ม 1.99 ล้าน* โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 89,000 บาท/ตร.ม. ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยครับ เพราะอย่างที่เราทราบกันว่าโซนนี้ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 120,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นไป โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished แต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้เลย ที่สำคัญคือได้ฟังก์ชันครัวปิดที่มีเครื่องฟอกอากาศ และในส่วนของ Automatic Toilet Seat พร้อม Digital Door Lock ทุกยูนิต รวมทั้งมีระบบ Home Automation*
3. ส่วนกลาง : ส่วนกลางที่นี่ให้มาครบและถือว่าจัดเต็มมากครับ และที่สำคัญคือเป็นส่วนกลางที่ค่อนข้างลงตัวกับทุกช่วงวัย ซึ่งนอกจากส่วนกลางที่อยู่ชั้น G FLOOR และ 2nd FLOOR แล้ว ยังมีเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานอีกด้วยครับ
4. รูปแบบห้องและสเปก : โครงการแบ่งห้องเพื่อให้เหมาะสมกับช่วงวัยเป็นไซส์ S M L เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเลือกห้องได้ตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของตัวเอง ซึ่งค่อนข้างลงตัวกับการใช้ชีวิตจริงมากครับ ส่วนสเปกที่ได้มานั้น ทาง Major จัดเต็มอย่างแน่นอนครับ
5. การลงทุน : อย่างที่บอกไปครับว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับอยู่เอง และคนที่อยากซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เพราะทำเลนี้ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.5 – 5.5%* โดยประมาณ ถือว่าเยอะเลยครับ