สืบก่อนจอง Niche MONO แจ้งวัฒนะ

นิช โมโน แจ้งวัฒนะ
Niche MONO Chaengwattana

ต้องบอกว่าปีนี้โครงการเด่นๆ ของเสนามีค่อนข้างหลายโครงการเลยครับ ถือเป็นการเปิดตัวท่ามกลางวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการที่เสนาจับมือร่วมกับฮันคิว ที่ปีนี้มีด้วยกันถึง 13 โครงการ อีกหนึ่ง Project ที่น่าสนใจ เพราะตั้งอยู่บนทำเลแจ้งวัฒนะ ทำเลน้องใหม่มาแรงกับแบรนด์ “Niche MONO”

โครงการ “Niche MONO แจ้งวัฒนะ” เป็นโครงการใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู (MRT) สถานีศรีรัช ในระยะเดินไม่เหนื่อย เพียง 120 เมตร และตัวโครงการอยู่ติดถนนแจ้งวัฒนะ มาพร้อม Concept น่าสนใจอย่าง “Recharge Your Digital Life” หรือการรีชาร์จชีวิตคนเมืองในยุคดิจิตอลนั่นเอง เน้นการพักผ่อนและเพิ่มความปลอดภัยต่างๆ ให้กับการพักอาศัยในแบบของคนยุคดิจิตอล เพื่อลูกบ้านจริงๆ

“แจ้งวัฒนะ” ทำเลศักยภาพ น่าจับตามอง

หลายครั้งที่ผมมักได้เจอกับคำถามที่หลายคนถามมาว่า “ทำไมทำเลแจ้งวัฒนะจึงน่าสนใจ?” 

ส่วนตัวผมเองก็มองว่า “แจ้งวัฒนะ” คือหนึ่งทำเลที่น่าสนใจ เพราะที่นี่เป็นทำเลที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีความเจริญในเรื่องของการคมนาคมที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า ที่เหมือนเข้ามาเป็นตัวชูโรง ทำให้ทำเลแจ้งวัฒนะในปัจจุบัน กลายเป็นทำเลหนึ่งที่มีศักยภาพสูงในเชิงที่พักอาศัย, สถานศึกษาชั้นนำ รวมไปถึงศูนย์กลางทางธุรกิจ และค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางด้วยครับ

ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู 120 เมตร

แม้ว่าแจ้งวัฒนะจะเป็นทำเลรอบนอกก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับอีกครับว่าทำเลนี้เป็นจุดที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองได้ดี จากเดิมที่ทำเลนี้จะมีเพียงแค่ที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่ช่วงหลังๆ มาผมเห็นว่า ที่พักอาศัยแนวสูงอย่างคอนโดเข้ามารุกทำเลนี้กันเยอะขึ้นเลยครับ และการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเป็นสายที่ Interchange กับสายสีเขียวและสายสีแดงเข้มเข้ามาในทำเลนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Developer หลายเจ้าให้เข้ามาลงทุนในทำเลนี้กันมากขึ้น ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูนั้นถือว่าเป็นรถไฟฟ้าที่มี Interchange ตัดกับสายอื่นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ไม่ได้มีเพียงแค่สายสีเขียวกับสีแดงเข้มเท่านั้นครับ ลองไปดูว่ารถไฟฟ้าสายนี้ตัดกับสายไหนอีกบ้าง…

✔️ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (ใกล้กับแยกแคราย)
✔️ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีหลักสี่ (ถนนวิภาวดีรังสิต)
✔️ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (บริเวณวงเวียนหลักสี่)
✔️ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีมีนบุรี (ใกล้กับแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า)

และในอนาคต จะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาที่วิ่งจากรามอินทรามาเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีทองหล่อ ซึ่งจะมาเชื่อมต่ออีกสายที่บริเวณแยกรามอินทรา – วัชรพล อีกด้วย ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการในปี 2564 นี้ครับ

และแน่นอนครับว่าทางเสนาเองก็มองเห็นความสำคัญของศักยภาพในทำเลนี้ จึงได้ส่งโครงการน้องใหม่ภายใต้แบรนด์ Niche MONO อย่างโครงการ “Niche MONO แจ้งวัฒนะ” เข้ามาบุกตลาดย่านนี้ โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise 35 ชั้น ทั้งหมด 921 ยูนิต ที่ตั้งของโครงการผมว่าค่อนข้างดีเลยครับ เพราะอยู่ติดถนนแจ้งวัฒนะเลย และยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศรีรัช เพียง 120 เมตร เป็นระยะที่เดินไม่เหนื่อย ซึ่งความพิเศษของสถานีนี้คือ Straddle Monorail เดินทางเข้าสู่เมืองทองได้อีกด้วยครับ

ผมลองสรุปจุดเด่นของทำเลรอบโครงการ Niche MONO แจ้งวัฒนะ มาดูกันครับว่าทำเลนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง…

จุดเด่นทำเล 

◼️ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศรีรัช เพียง 120 เมตร เดินทางเพียง 1 สถานี ถึงอิมแพค เมืองทองธานี, 2 สถานี ถึง Central แจ้งวัฒนะ และ 20 นาที ถึงสนามบินดอนเมือง
◼️ ใกล้สถานที่สำคัญ อย่างเช่น ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, The Avenue แจ้งวัฒนะ และ IT Square
◼️ ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tesco Lotus แจ้งวัฒนะ, Big-C แจ้งวัฒนะ, Makro แจ้งวัฒนะ
◼️ ใกล้สถานพยาบาลและสถานศึกษาชั้นนำ อย่างเช่น โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ, โรงพยาบาล World Medical หรือจะเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

คอนโดเพื่อคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล กับคอนเซปต์ “Recharge Your Digital Life”

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตของเรามากนั้น ถือเป็นอีกสิ่งที่ตอบสนองความต้องการต่างๆ ของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันไม่ว่าเราจะทำอะไรที่ไหน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีการสอดแทรกเทคโนโลยีเข้ามาเป็นผู้ช่วยให้เราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็รวมไปถึงการอยู่อาศัยเช่นกันครับ ต้องบอกว่าโครงการ Niche MONO แจ้งวัฒนะ เห็นความสำคัญข้อนี้ และได้นำเอาระบบ Smart Home Automation สอดแทรกเข้ามาภายในโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้านอีกด้วย ถือเป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในยุคดิจิตอลได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น…

◼️ ระบบ Home Automation ที่ให้ชีวิตง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้ว
◼️ ระบบ QR Code เพิ่มความปลอดภัย สำหรับการเข้า – ออก ตัวอาคาร
◼️ Digital Theater พร้อมบริการ Streaming VDO
◼️ High Speed Wi-fi ในทุกพื้นที่ส่วนกลาง
◼️ ระบบ Fiber Optic ทุกยูนิตห้องชุด

และคราวนี้เราลองไปดูส่วนกลางของโครงการกันบ้างครับ เห็นว่าจัดเต็มให้ถึง 3 ชั้น และยังมีฟังก์ชันสอดแทรกเข้ามาอีกด้วย ไปดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง…

ส่วนกลาง 3 ชั้น จัดเต็มทุกฟังก์ชัน

อย่างที่ผมบอกไปครับว่าโครงการ Niche MONO แจ้งวัฒนะ เค้ามาในคอนเซปต์เอาใจคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอลอย่าง “Recharge Your Digital Life” ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จึงมีการแทรกเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยเข้ามาด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านนั่นเองครับ โดยส่วนกลางของที่นี่มีถึง 3 ชั้น แต่ละโซนผมว่าโครงการจัดเต็มมากครับ ไม่ว่าจะเป็น Fitness ที่กว้างกว่า 200 ตร.ม. หรือจะเป็น Sky Jogging Track และ Upbeat Active Pool สระว่ายน้ำพร้อมเสียงเพลงรีเฟรชความสดชื่น เอาเป็นว่าเราลองไปดูกันดีกว่าครับว่าที่นี่ให้ส่วนกลางอะไรมาบ้าง…

Lobby : สำหรับ Lobby ของโครงการผมว่าการสอดแทรกต้นไม้ไว้ตามมุมต่างๆ ค่อนข้างน่าสนใจเลยครับ เพราะบรรยากาศจะค่อนข้างสดชื่น พื้นที่นี้ลูกบ้านเองก็สามารถใช้เป็นมุมพักผ่อนได้ หรือจะใช้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมให้นั่งรออยู่ในโซนนี้ก็ได้ครับ ภายในจัดที่นั่งรองรับไว้ค่อนข้างเยอะเลยครับ

Co-Working Space & Mini Bar : พื้นที่นี้ตกแต่งมาค่อนข้างหรูมากเลยครับ ซึ่งเป็นมุมสำหรับลูกบ้านเอาไว้พักผ่อน หรือนั่งทำงานช่วงวันหยุด นอกจากนี้แล้วมุมนี้ยังมี High Speed Wi-Fi รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตอีกด้วยครับ และในขณะเดียวกันก็ยังมีมุม Mini Bar ไว้เอาใจสายดริ้งอีกด้วยครับ

Playground : สีสันของพื้นที่สนามเด็กเล่นผมว่าสดใสและเหมาะกับเด็กๆ มากครับ อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ ในขณะเดียวกันทางโครงการก็มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาไปในตัว

Fitness : สำหรับโซนออกกำลังกายผมชอบมากครับ พื้นที่ดูกว้างมาก ซึ่งเนื้อที่ในนี้กว้างกว่า 200 ตร.ม. พร้อมแบ่งโซน Free Weight & Cardio ให้อย่างเป็นสัดส่วนอีกด้วย

Digital Theater : เป็นอีกมุมที่น่าสนใจและยังทำมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อีกด้วยครับ ซึ่งพื้นที่ของ Digital Theater เป็นโซนที่พร้อมบริการ Streaming VDO น่าสนใจมากครับ

Upbeat Active Pool : สระว่ายน้ำมาพร้อมเสียงเพลงช่วย Refresh ความสดชื่นให้กับลูกบ้านที่ต้องการพักผ่อนและว่ายน้ำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นสระแบบ Open Air

Star Terrace : อีกโซนที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือพื้นที่ดูดาวครับ เป็นโซนดูดาวแบบ Open Air มีที่นั่งรองรับเป็นสัดส่วน เหมาะกับคู่รักหรือแม้แต่การชวนเพื่อนๆ ขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศช่วงกลางคืนมากครับ

BBQ Terrace : และมาถึงโซนสุดท้ายอย่างพื้นที่ BBQ กันครับ โซนนี้ใช้ปาร์ตี้ได้ครับ พื้นที่ค่อนข้างกว้าง อยู่ที่ชั้น Roof Top ที่สามารถเทควิวเมืองได้แบบ 360 องศาเลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ ผมว่าส่วนกลางให้มาเยอะ แถมแต่ละโซนยังมีจัดเต็มด้วยระบบเทคโนโลยีต่างๆ แทรกเข้ามา ซึ่งอย่างผมเองชอบ Upbeat Active Pool ที่จะมีเสียงเพลงช่วย Relax & Refresh ให้กับลูกบ้านที่ต้องการพักผ่อนจริงๆ ซึ่งเห็นกันไปแล้วว่าส่วนกลางของที่นี่ให้อะไรมาบ้าง คราวนี้เราลองไปดูรูปแบบห้องกันบ้างครับ

รูปแบบห้องดีไซน์สวย โดดเด่นด้วยฟังก์ชันครัวปิด

สำหรับรูปแบบห้องภายในโครงการจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่…

◼️ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. (486 ยูนิต)
◼️ 1 Bedroom ขนาด 31 ตรม. (348 ยูนิต)
◼️ 2 Bedroom ขนาด 53 ตรม. (87 ยูนิต)

เราลองไปดูห้องตัวอย่างกันบ้างครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง…

1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม.
Living ใหญ่ มาพร้อมฟังก์ชันครัวปิด

เริ่มกันที่ห้องแรกอย่าง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. กันก่อนเลยครับ สำหรับห้องนี้ผมว่าการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยโซนต่างๆ ค่อนข้างลงตัวเลยครับ ซึ่งเมื่อเราเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Living Area ก่อนเลย สำหรับมุมนี้จะมีมุมรับประทานอาหารอยู่ใน Area เดียวกันด้วย ซึ่งมุมรับประทานอาหารนี้ทางโครงการจัดเป็นโต๊ะสำหรับ 2 ที่นั่งมาให้ ในขณะเดียวกัน ตรงกันข้ามก็จะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำครับ ซึ่งภายในค่อนข้างกว้าง และแยกโซนแห้งโซนเปียกมาอย่างมีสัดส่วน ตัวสุขภัณฑ์เองก็ใช้เป็นแบรนด์มาตรฐานครับ 

มาดูที่ตัวของห้องครัวกันบ้างครับ ฟังก์ชันครัวเป็นแบบครัวปิดครับ และโครงการยังตกแต่งครัวมาในรูปแบบของ I – Shape Kitchen ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องครัว นอกจากนี้แล้วตัวห้องครัวอยู่ติดระเบียงห้องอีกด้วย ผมว่าแปลนห้องนี้ทำออกมาดีเลยครับ ส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมไปถึง Counter ครัวนั้นทางโครงการ Built-in มาให้เสร็จสรรพเลยครับ

สำหรับพื้นที่ห้องนอน  Mood & Tone ภายในห้องค่อนข้างเหมาะกับสาวๆ เลยครับ บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างดูสบายตา อีกทั้งเตียงก็สามารถวางเป็นเตียง 5 – 6 ฟุตได้ ตัวฐานรองเตียงทางโครงการให้มานะครับ มีลิ้นชักสำหรับเก็บของด้วย ผมว่าเหมาะสำหรับคนที่ของใช้เยอะๆ นะครับ เพราะสามารถเก็บของได้อย่างเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น

1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม.
ห้องใหญ่ Combine Living + ห้องนอน

มาต่อกันที่ห้องตัวอย่างที่ 2 อย่างห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. กันบ้างครับ สำหรับห้องนี้จะยังเป็นฟังก์ชันครัวปิดเหมือนเดิมครับ และตัวเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ Built-in มาให้ครบเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ

ต่อจากห้องครัวจะเป็นพื้นที่ของ Living Area ครับ พื้นที่นี้ผมว่าค่อนข้างกว้างเลยครับ มุมห้องยังสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้ด้วย ซึ่งเซตโซฟาหน้าทีวีนั้นสามารถวางเป็นเซตใหญ่ได้เลยครับ ซึ่งการที่ห้องตัวอย่างไม่วางโต๊ะกลางมาให้นั้น ผมว่ายิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า Space ตรงนี้กว้างมาก

ในขณะเดียวกัน พื้นที่ระเบียงห้องที่เชื่อมต่อกับ Living Area นั้นผมว่าเป็นระเบียงที่สามารถใช้งานได้จริง เพราะมีขนาดค่อนข้างกว้างครับ ซึ่งใครจะนำต้นไม้มาปลูกภายในห้อง ก็สามารถใช้พื้นที่ระเบียงวางได้สบายๆ เลยครับ

สำหรับพื้นที่ห้องนอนนั้นจะติดกับ Living Area เลยครับ จะมีกระจกบานเลื่อนเป็นตัวกั้นสัดส่วนของทั้ง 2 โซนไว้ ซึ่งหากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็อาจจะหาผ้าม่านมากั้นก็ได้นะครับ แต่หากใครที่ชอบให้ห้องดูโปร่งโล่งก็สามารถเปิดบานเลื่อนเอาไว้ได้เลย ซึ่งการดีไซน์ระหว่าง 2 โซนนี้เหมือนเป็นการ Combine Area ไว้ด้วยกัน ทำให้เราได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างมากขึ้นนั่นเอง

สำหรับห้องน้ำจะอยู่ในพื้นที่ของห้องนอนครับ ด้านหน้าห้องน้ำมีพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet ขนาดพอดี สะดวกต่อการใช้งานดีครับ เพราะออกจากห้องน้ำมาก็สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าในมุมนี้ได้เลย ส่วนห้องน้ำภายในนั้นผมว่ากว้าง มีกั้นโซนแห้ง โซนเปียก ไว้อย่างมีสัดส่วนอีกด้วยครับ

2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม.
ห้องใหญ่ Walk-in Closet จัดเต็มทั้ง 2 ห้อง

มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายอย่างห้อง 2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม. ซึ่งพื้นที่ใช้สอยของห้องนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มได้หลากหลายฟังก์ชันมากครับ ห้องนี้เปิดประตูมาเจอกับครัวปิดก่อนเลยครับ ซึ่งโครงการ Built-in ชั้นเก็บของมาให้ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้รูปแบบของห้องครัวกลายเป็น Gallery Kitchen ซึ่งจะเป็นครัวคู่ขนานนั่นครับ

และเมื่อออกมาจากพื้นที่ของห้องครัว จะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ครับ ซึ่งพื้นที่นี้ทางโครงการวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งมาให้ด้วย และยังมีเซตโซฟาขนาดใหญ่รูปแบบ L – Shape ในขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่เหลืออีกด้วยนะครับ ยังสามารถตกแต่งได้อีกเยอะเลย

ลองมาดูที่ห้อง Master Bedroom ที่อยู่ฝั่งขวามือกันบ้างครับ…

พื้นที่ภายในผมว่ากว้างมาก วางเตียง King Size ได้สบายๆ ซึ่งภายในมีห้อง Walk-in Closet มาให้ด้วย ซึ่งพื้นที่ภายในสามารถจัดเก็บเสื้อผ้า Accessories ต่างๆ รวมไปถึงใช้เป็นมุมแต่งหน้าสำหรับสาวๆ ได้เลย ในขณะเดียวกันห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัวครับ ส่วนของห้องน้ำเองแบ่งเป็นสัดส่วน แยกโซนแห้งโซนเปียกไว้อย่างมีสัดส่วน

ลองขยับไปดูห้องนอนฝั่งซ้ายมือกันบ้างครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง…

สำหรับห้องนี้แปลนห้องนอนจะคล้ายกับ Master Bedroom เลยครับ แต่พื้นที่ของห้องน้ำจะไม่ได้อยู่ภายในห้องนอนเท่านั้นเอง แต่ก็มีพื้นที่ของห้อง Walk-in Closet ขนาดใหญ่มาให้เช่นกันครับ ส่วนห้องน้ำที่อยู่บริเวณหน้าห้องนอนนั้นสามารถใช้ต้อนรับเพื่อนๆ หรือแขกที่มาเยี่ยมได้ ภายในห้องน้ำห้องนี้กว้างเช่นกันครับ แยกโซนแห้งโซนเปียกและยังคงใช้สุขภัณฑ์เป็นแบรนด์มาตรฐาน ซึ่งผมว่าห้อง 2 Bedroom ค่อนข้างที่จะลงตัวกับการอยู่เป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก เพราะห้องใหญ่ ฟังก์ชันสามารถปรับเปลี่ยนได้เยอะ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริงมากครับ

 

เมื่อได้เห็นรูปแบบห้องตัวอย่างไปแล้ว เราลองไปดูกันดีกว่าครับว่าโครงการนี้เหมาะกับใครบ้าง…

คอนโดนี้เหมาะกับใคร?

สำหรับคอนโดในทำเลแจ้งวัฒนะในปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่า Yield ในการปล่อยเช่าค่อนข้างดีเลยนะครับ อยู่ที่ประมาณ 5 – 6% ซึ่งหากว่าใครที่มองในเรื่องของการลงทุนผมว่าสามารถซื้อโครงการนี้ได้สบายครับ อย่างราคาขายต่อนั้น ด้วยศักยภาพของตัวทำเลเองก็ทำให้ราคาขายไม่ได้ตกลง ซ้ำยังขยับขึ้นทุกปี ยิ่งถ้าหากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู รวมไปถึงสายสีเขียวและสีแดงเข้มที่ค่อนข้างเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ผมว่าอีกหน่อยทำเลแจ้งวัฒนะจะกลายเป็นทำเลทองของเหล่านักลงทุนไปเลย และราคาตรงนี้ก็ต้องขยับขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นหากใครที่มองในเรื่องของการลงทุนไว้ ผมว่าโครงการนี้เหมาะครับ เพราะทั้งสเปกห้อง หรือจะเป็นส่วนกลางที่โครงการให้มาค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียวครับ

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าใครที่มองในเรื่องของการซื้อเพื่ออยู่เอง ไม่ได้หวังลงทุน ผมว่าง่ายต่อการตัดสินใจมากครับว่าโครงการนี้เหมาะหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองผมว่าเหมาะมาก แต่ถ้าหากวันหนึ่งเราต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยในอนาคต ทำเลตรงนี้ก็ยังสามารถปล่อยเช่า หรือขายต่อได้สบายเลยครับ ดังนั้นโครงการนี้ ตอบโจทย์ทั้งการอยู่เองและลงทุนครับ

…ดังนั้น ผมขอสรุปมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ

ความเห็นในมุมนักสืบอสังหา

1. ทำเล : ทำเลนี้ผมว่าดีมากนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกมาก ด้วยการที่โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ และยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศรีรัช เพียง 120 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินไม่เหนื่อย ผมว่าสิ่งอำนวยความสะดวกตรงนี้ค่อนข้างเอื้อต่อโครงการเลยทีเดียวครับ

2. ราคา : เริ่ม 1.89 ล้าน* Fully Furnished กับจำนวนห้องพักทั้งหมด 921 ยูนิต ผมว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยนะครับ ยูนิตไม่เยอะเกินไป อีกทั้งสเปกห้องและส่วนกลางที่ได้ ผมว่าคุ้มค่ามากครับสำหรับคอนโดราคาล้านกว่าๆ เช่นนี้

3. ส่วนกลาง : ส่วนกลางที่นี่ให้เยอะ จัดเต็มถึง 3 ชั้น พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยต่างๆ ผมว่าดีครับ อย่างการใช้ระบบ QR Code เพิ่มความปลอดภัยสำหรับการเข้า – ออก ตัวอาคารก็น่าสนใจ นอกจากนี้แล้วโครงการยังมีที่จอดรถอีก 47.6% ในการรองรับลูกบ้าน ผมว่าคุ้มมากครับ

4. รูปแบบห้องและสเปก : ส่วนตัวผมชอบห้อง 1 Bedroom นะครับ ซึ่งฟังก์ชันห้องมีการตกแต่งได้ลงตัวกับการอยู่อาศัยจริง รองรับทั้งคนโสดที่อยู่คนเดียว หรือแม้แต่คู่รักที่อาศัยอยู่ร่วมกัน สเปกห้องรวมไปถึงการดีไซน์ลงตัวและเสนาให้มาค่อนข้างดี เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แทบไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ให้มาครบ พร้อมเข้าอยู่เลย

5. การลงทุน : โครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งอยู่เองและลงทุนเลยครับ เพราะโครงการนี้สำหรับลูกค้าที่ซื้ออยู่เองนั้นค่อนข้างตอบโจทย์ในเรื่องของการเดินทางและความคุ้มค่า เนื่องจากทำเลดี มีศักยภาพ และใกล้รถไฟฟ้า อีกทั้งเรื่องของราคาก็ยังอยู่ในเรทที่จับต้องได้ ส่วนในแง่ของการลงทุน อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า ทำเลแจ้งวัฒนะนั้นสามารถปล่อยเช่าได้ด้วย Yield ที่อยู่ประมาณ 5 – 6% ส่วนตัวผมมองว่าดีพอใช้ และผมมองว่าในอนาคต Yield จะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกหากรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้ใช้บริการครับ

ใครสนใจโครงการก็สามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดได้ที่ >> http://bit.ly/2mU7UR8

 

โพสต์ไว้ที่: Review

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *