พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น
Plum Condo Ramkamhaeng Station
“พลัม คอนโด” แบรนด์ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี เพราะเป็นคอนโดราคาต่ำกว่าล้าน จับจองง่าย ตึกเตี้ย ในซอย จำนวนเกือบพันยูนิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปครับ ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ที่ดินในซอยที่จะทำราคาต่ำล้านเริ่มมีน้อยลง กลุ่มลูกค้า Segment ล่างๆ เริ่มเต็มอิ่มในตลาดจนเกือบล้นและจะไม่มีแล้ว ราคาขายใน Segment 2-3 ล้าน จึงมีบทบาทมากขึ้น ทำให้พฤกษา เริ่มพัฒนา แบรนด์ “พลัม คอนโด” ให้กลายเป็นตึกสูง ราคาขยับขึ้น ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้น แต่ยังยึดความคุ้มไว้เหมือนเดิม โดยไม่เพียงแค่เพิ่มสเปกห้อง แต่เน้นจัดเต็มเรื่องส่วนกลางให้มัน เยอะ กว้าง ใหญ่ ไว้ก่อน วันนี้ผมแวะมาสืบโครงการพร้อมอยู่ “พลัม คอนโด รามคำแหง สเตชั่น” กับการตอบข้อสงสัยของหลายๆคนสำหรับโครงการนี้มาฝากกันครับ
พลัม ทำไมต้องรามคำแหง สเตชั่น?
เพราะทำเลของโครงการพลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น มันไม่ใช่รามคำแหงแบบที่เราหลายๆ คนเข้าใจ เพราะส่วนใหญ่คนชอบนึกว่า ถ้าพูดถึงทำเล “รามคำแหง” จะต้องไปทางฝั่งมีนบุรี, บางกะปิ หรือลำสาลีมากกว่า แต่ทำเลของโครงการนี้ ส่วนตัวผมมองว่าเป็น รามคำแหงช่วงต้นที่เชื่อมต่อถนนหลักที่เข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง อย่างถนนรามคำแหง, พระราม 9, พัฒนาการ, เพชรบุรี, อโศก, สุขุมวิท เป็นต้น แต่ที่โครงการนี้ต้องเป็น “พลัม คอนโด รามคำแหง สเตชั่น” ก็เพราะโครงการต้องการจะขายว่าโครงการขายของเขา ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ สถานีรามคำแหงนั่นเองครับ แต่ถ้านอกเหนือจากแอร์พอร์ตลิงก์ที่โครงการขายแล้ว ทำเลนี้ก็มีจุดขายอื่นๆ อีกหลายจุดเลยครับ จริงๆ ผมมองว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้จักโครงการนี้และทำเลตรงนี้มาพอสมควรครับ เนื่องจากโครงการของพฤกษาที่มากระจุกตัวอยู่แถบนี้ก็มีตั้ง 4 โครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพี่ใหญ่ที่เริ่มบุกเบิกอย่าง ฟิวส์ โมเบียส รามคำแหง – คลองตัน (ขายหมดแล้ว), หรือ เดอะทรี สุขุมวิท 71 (ที่ขายดีมากๆช่วงเปิดขาย ปัจจุบันขายหมดแล้ว รอโอนต้นปีหน้า), เดอะ ไพรเวซี่ พระราม 9 (ยอดขายไปเกิน 80%) และพลัม คอนโด รามคำแหง สเตชั่น ที่สร้างเสร็จพร้อมให้ลูกค้าเข้าอยู่แล้ว เราจะเห็นว่าโครงการทำเลนี้ ขายดี ยอดขายไป 80% เกือบทุกโครงการ ทุก Developer ครับ เพราะแถวนี้ขายก็ได้ราคาดี จะปล่อยเช่าก็มีคนเช่าแน่นอน และ Yiled ยังดีอีกครับ ที่ดินตรงนี้ราคาก็ขึ้นทุกๆ ปี แถม ยังใกล้เมืองอีกต่างหาก ดังนั้น จะเรียกได้ว่าทำเลนี้ มีศักยภาพมากทำเลนึง และผมก็คงเชื่อครับว่าปีต่อๆ ไป ก็จะมีโครงการมาเปิดบนทำเลนี้อีกหลายโครงการครับ (แอบเห็นมีรั้วบางโครงการ เกลี่ยที่ดินบางส่วนแล้วก็มีครับ) เรามาดูกันดีกว่าครับว่า “รามคำแหง”ทำเลศักยภาพ มีอะไรที่น่าจับตามองและน่าเข้าไปอยู่อาศัยบ้างครับ
- แน่นอนครับ 250 เมตร เดินไปก็ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง ถ้าใครทำงานในเมืองและทำงานสนามบินสุวรรณภูมินอกจากรถไฟฟ้าแล้ว แอร์พอร์ลิงก์ก็เป็นส่วนนึงที่สำคัญสำหรับการเดินทางเช่นกันครับ เพราะแค่ 3 สถานี ก็ถึงสถานีพญาไท ซึ่งแหล่งงานสำนักงานออฟฟิศในเมือง หรือ จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเพียงแค่ 15 นาที ก็ง่าย ค่าใช้จ่ายก็ถูก เพียงแค่ว่าอาจจะรอนานไปหน่อยในบางครั้งครับ แต่ปัจจุบันผมว่าตอนนี้ มีการปรับปรุงระบบการเดินรถให้ดีขึ้นมากแต่ก่อนแล้วครับ
- 1 สถานี ถึงอโศก 5 นาทีถึงทองหล่อ อันนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนชอบเที่ยว ชอบร้านอาหารบรรยากาศดีดี และชอบช้อปปิ้งห้างดังย่านอโศก หรือแม้กระทั่งทำงานโซนนี้ โดยเฉพาะเลยครับ เพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานครับ และไม่ต้องไปเจอสภาวะรถติดด้วยครับ
- อีกเรื่องนึงที่ผมชอบโครงการนี้ คือ เดินทางสะดวกด้วยทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ แค่เลี้ยวซ้ายออกจากโครงการ มุ่งหน้าไปทางแยกคลองตัน แป๊บเดียวก็ขึ้นทางด่วน จะไปนอกเมือง หรือ ออกเมืองก็ง่ายๆ ทำให้ผมมีเวลานอนตื่นสายอีกครับ
Lifestyle แถวนี้เป็นแบบไหน?
นอกจากโครงการนี้จะเป็นทำเลที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ๆ โครงการก็มีครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกด้านครับ ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้ง, การศึกษา รวมไปถึงเวลาเจ็บป่วยก็ใกล้โรงพยาบาล เราลองมาดูกันนะครับว่า ถ้าซื้อที่นี่ เราจะได้ไปที่ไหนบ้าง แล้วแต่ละที่เป็นยังไงบ้างครับ
- ใกล้ห้างสรรพสินค้าและ Community Mall อย่างเช่น แอร์ลิงก์รามคำแหง Community Mall ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง ที่บอกเลยว่าสะดวก และมีร้านแซนด์วิช ซับเวย์ ที่ใครๆ ก็ต้องลิ้มลอง รวมไปถึงมีร้านสตาร์บัคส์อีกด้วยครับ, โครงการ Mix Used Life Style รามคำแหง ที่ Renovate จากเดอะมอลล์ รามคำแหง มีพื้นที่ถึง 30 ไร่ เป็นห้างใหญ่ในอนาคตแน่ๆ ครับ, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะไนน์, เจ อเวนิว, เอ็มโพเรี่ยม, เทอร์มินอล 21 และเซ็นทรัลพระราม 9 ห้างดังในย่านนี้ ที่ไม่มีใครไม่เคยไปครับ นอกจากนั้นยังมีซูเปอร์มาร์เก็ต อย่าง บิ๊กซี หัวหมาก, ฟู้ดแลนด์ ที่เปิด 24 ชม. ที่เป็นเหมือนแหล่งอาหารใกล้บ้านกันเลยครับ
- ใกล้สถานศึกษาชั้นนำ อาทิเช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA และโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ ที่ผลิตบุคลากรที่มีชื่อเสียงหลายคนที่ทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้แก่ประเทศ
- โรงพยาบาลที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง ทั้งรพ.กรุงเทพ, รพ.สมิติเวช. ศรีนครินทร์, รพ.พระราม 9 และ รพ.ลาดพร้าว หากเจ็บป่วยก็เข้ารักษาได้ทันที
จุดขายของโครงการนี้ เน้นส่วนกลางใหญ่จริงหรอ?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การจะซื้อคอนโดสมัยนี้ จะตัดสินใจซื้อจากแค่ตอนโปรโมทขายก็คงจะไม่ได้ ต้องมาดูของจริงที่สร้างเสร็จแล้วด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือการซื้อแบรนด์นั้นๆ ต่อไป เช่นเดียวกับ “พลัมคอนโด” จริงๆ แบรนด์นี้ก็เป็นแบรนด์ที่ผมรู้จักมานาน เพราะขายดี ราคาถูก ในสมัยเมื่อสัก 5 ปีที่แล้วครับ ผมจึงขอไปสืบซะหน่อยครับ สำหรับ พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น คอนโดพร้อมอยู่ บนทำเลรามคำแหง – พระราม 9 ว่าของจริงจะเป็นยังไงบ้าง? และจุดขายของโครงการนี้ที่บอกว่า เน้นส่วนกลาง กว้าง ใหญ่ และเยอะ จะจริงหรือป่าวครับ
วันที่ผมเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ ผมต้องบอกเลยว่า ผมค่อนข้างตกใจกับส่วนกลาง เพราะมันกว้าง ยาว จริงๆ อย่าง Deck Lobby และ Living Lounge ชั้นด้านล่าง ที่ยาวถึง 24 เมตร และที่นั่งพักผ่อน ที่มองออกไปเห็นสวนของโครงการ ทำให้ผมรู้ได้เลยว่ามันกว้างและยาวจริงๆ ต่อจากนั้นผมก็ขอแวะไปสำรวจส่วนกลางชั้นอื่น
อย่างชั้น 6 ต้องบอกว่าส่วนกลางชั้นนี้ คือ ครบความต้องการแบบไม่ต้องไปหาแพ็คเกจซื้อเสริมที่อื่นเลยครับ เพราะที่นี่มีเกือบทุกกีฬา นอกจากสระว่ายน้ำและสวนพักผ่อน ที่นี่มีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย
- Boxing Room ใครต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนแนะนำใช้ห้องนี้ครับ อุปกรณ์การต่อยมวยมีพร้อม แต่รบกวนให้ใส่รองเท้ากีฬานิ่มๆ ไปด้วยนะครับ เพราะพื้นห้องนี้อาจแข็งไปหน่อยครับ
- Table Tennis Room เป็นห้องแบบ Open Air เหงื่อออกดีเลยครับ และมีอุปกรณ์การเล่นปิงปองไว้พร้อมใช้งาน
- Yoga Room ห้องสำหรับเล่นโยคะ คลายเส้น กำหนดลมหายใจ ในพื้นที่ติดสวน รวมถึงมีอุปกรณ์ลูกบอลโยคะให้ใช้บริการได้ด้วย สาวๆชอบแน่นอน
- Fitness Room ห้องนี้ประทับใจ เพราะเป็นห้องที่มีอุปกรณ์เยอะมาก รับรองไม่ต้องแย่งกันใช้งานครับ และที่ติดใจห้องฟิตเนสนี้ได้วิวสระว่ายน้ำ
สุดท้ายไฮไลท์ของโครงการนี้ ส่วนกลางอยู่ชั้นบนสุดครับ โดยมี Sky lounge ทั้งหมด 2 โซน ซึ่งจะเห็นวิว 2 วิว คือ City วิวและวิว ARL รามคำแหง Sky Lounge สูงถึง 6 เมตร ดูใหญ่และโปร่งมากเลยครับ ถ้ามาชมวิวตอนกลางคืน ผมว่ามันคงสวยมากๆ ครับ เพราะจะเห็นเส้นถนนที่มีแสงไฟบริเวณทางด่วนและเส้นถนนรามคำแหง-พระราม 9 ด้วยครับ
รูปแบบห้อง เน้นแบบไหน เป็นอย่างไงบ้าง?
พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น จะมีขนาดห้องให้เลือกซื้อตั้งแต่ 22.50 ตร.ม. – 46 ตร.ม. (ห้อง Combined) ซึ่งถ้าถามผม ผมก็มองว่า ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มาก แต่เขาจัดฟังก์ชั่นได้ลงตัวและดูไม่เล็กจนเกินไปครับ ห้องตัวอย่างบนอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว เราจะสามารถเห็นพื้นที่จริงและวิวจริงได้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ในตึกทางโครงการจะมีห้องตัวอย่างเปิดให้ชมอยู่ 2 ขนาด คือ ขนาด 22.50 ตร.ม. และ 26 ตร.ม. สเปกห้องก็ยังเป็นแบบฉบับ แบรนด์ “พลัมคอนโด” ที่เคยเป็นมาก่อนครับไม่ได้อัพสเปกเกินแบรนด์มากนัก เนื่องจากต้องคุมต้นทุนแล้วเอาไปจัดเต็มเรื่องส่วนกลางนั่นเอง ซึ่งผมมองว่ามันก็ดีนะครับ เพราะเอาไปเกลี่ยกับฟังก์ชั่นที่เราได้ใช้งานอย่างส่วนกลางก็ถือว่าคุ้มครับ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าครับว่าห้องตัวอย่างทั้ง 2 ขนาด จะเป็นรูปแบบไหน และได้อะไรบ้างครับ
รูปแบบห้อง 22.50 ตร.ม. ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบความคุ้มค่าและนักลงทุน
ห้องนี้จะแบ่งโซนห้องนอนและห้องนั่งเล่นอย่างละครึ่ง โดยกั้นห้องด้วยบานเลื่อน ทำให้ดูแบ่งพื้นที่สัดส่วนได้ลงตัวและมีฟังก์ชั่นที่ชัดเจน ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องครัว พร้อมโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่าน ซึ่งรูปแบบห้องนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงผังจากพลัมคอนโด โครงการอื่นๆ เท่าไหร่ครับ แต่ผมก็ชอบรูปแบบนี้นะครับ เพราะแม้ว่าขนาดพื้นที่จะเล็ก แต่ พอวางรูปแบบแบบนี้ก็ทำให้ห้องดูลงตัวไม่เล็กเกินไปครับ ส่วนสเปกภายในห้อง จะได้ครัว, สุขภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศ รวมถึงได้ Fully Furnised ด้วย บอกได้คำเดียวครับว่า “คุ้มค่า” ในราคาจับต้องได้ครับ ไม่ต้องซื้ออะไรแล้วครับ จองพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้แบบสบายๆ ไปเลยครับ ไปดูภาพกันครับ
รูปแบบห้อง 26 ตร.ม. ตอบโจทย์คนที่ชอบใช้ชีวิตสะดวกสบายในเมือง
รูปแบบห้องนี้ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ เพราะเดินเข้ามาจะเจอพื้นที่นั่งเล่นกับห้องครัวอยู่ด้วยกัน (ครัวแบบเปิด) แต่ชอบที่พื้นที่ห้องนอนกว้างขึ้น ซึ่งมันตอบโจทย์คนที่ชอบใช้ชีวิตสะดวกสบายในเมือง ทำงานกลับมาแล้วเน้นนอนพักผ่อน อาจจะเหมาะกับพนักงานบริษัทหรือคนเพิ่งเริ่มใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวครับ สเปกภายในห้องให้เหมือนห้อง 22.50 ตร.ม. ครับ
สรุปจากที่มาเยี่ยมชมโครงการนี้นะครับ ผมต้องบอกเลยว่าส่วนตัวภาพรวมออกมาดูดีพอใช้ได้ครับ โดยเฉพาะส่วนกลางที่ให้มาเกินราคาซื้อครับ ส่วนสเปกภายในห้อง ผมเฉยๆ เพราะผมมองว่ามีบางส่วนที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากความเป็น “พลัมคอนโด” ฉบับดั้งเดิมไปเท่าไหร่ แต่สิ่งนึงที่รู้เลยว่าที่โครงการพยายามให้เป็นจุดขาย คือ เรื่องของราคาที่จับต้องได้และเพิ่มส่วนกลางที่กว้าง ยาว เยอะเข้าไปให้มีมากกว่าคู่แข่งและน่าสนใจนั่นเองครับ ผมขอสรุปรายละเอียดในมุมมองของผม ตามรายละเอียดนี้ครับ
ความเห็นในมุมนักสืบอสังหา
ทำเล : ส่วนตัวผมมองว่า ทำเลนี้เป็นทำเลที่เชื่อมต่อเมือง และสร้างความสะดวกสบายเรื่องของการเดินทางมากครับ เพราะอย่างที่ผมบอก ทำเลนี้เดินทางได้หลายเส้นทาง ทั้ง รามคำแหง, พระราม 9, พัฒนาการ, เพชรบุรี, อโศก, สุขุมวิท เป็นต้น, เดินทางขึ้นทางด่วนเข้า-ออกเมืองก็ง่าย รวมถึงยังใช้บริการแอร์พอร์ตลิงก์ รามคำแหง เพื่อเข้าเมืองในระยะเดินได้ แค่ 250 เมตร, แถมยังใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา และโรงพยาบาล ต้องยอมรับเลยครับว่าทำเลนี้ มาช่วยเติมเต็มสำหรับคนที่ชอบความสบายในชีวิตจริงๆ ครับ
ราคา : ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท (ตารางเมตรละ 84,000 บาท) ซึ่งทำเลโซนนี้ราคาส่วนกว้างก็ไปกันค่อนข้างเยอะแล้วไปถึง 90,000 ปลาย บาท/ตร.ม. ผมมองว่าที่นี่คุ้มเพราะให้ชุดเฟอร์นิเจอร์และยังให้ส่วนกลางที่ครบ โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินเข้าฟิตเนส หรือซื้อคอร์สต่อยมวย, โยคะ หรือเช่าพื้นที่ เพื่อเล่นกีฬาแบบ Table Tennis เห็นไหมครับ ว่าเราเซฟเงินไปได้ตั้งเยอะ รวมถึงสามารถใช้บริการได้ตลอด อาจจะไม่ถึงกับ 24 ชม. แต่ใช้บริการหลังเลิกงานได้เมื่อกลับมาถึงคอนโดนั่นเองครับ
ส่วนกลางและสเปกภายในห้อง : ส่วนกลางโครงการนี้ผมให้ประมาณ 5 ดาวครับ ถ้าหากให้คะแนนด้านความกว้าง ยาว และเยอะนะครับ เพราะอย่างที่ผมได้บอกว่าส่วนกลางที่โครงการนี้ ตั้งแต่ Deck Lobby ไปถึง Sky Lounge ชั้น 33 ทางโครงการพยายามออกแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทุกกิจกรรมของลูกค้า ซึ่งผมมองว่ามันดีมาก เพราะอย่างตัวผมเอง ถ้าต้องการจะไปต่อยมวย หรือเล่นปิงปอง บางทีก็ต้องหาที่ที่ต้องไปในเวลาเลิกงาน แต่หากวันไหนรถติด กลับดึก สถานที่ต่างๆ เหล่านั้นก็ปิดให้บริการหมดแล้ว แต่หากอยู่ที่คอนโดของเราก็สบายเลยครับ กลับมาก็ยังพอมีเวลาได้ไปทำกิจกรรมอย่างที่เราอยากทำอีกด้วยครับ ส่วนภายในห้อง ผมมองว่าธรรมดา ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนจากเดิมครับ
รูปแบบห้อง : ส่วนตัวผมชอบรูปแบบห้อง 22.50 ตร.ม. มากกว่าห้อง 26 ตร.ม. ครับ เพราะห้องแบ่งฟังก์ชั่นชัดเจน แม้ว่าจะเล็กกว่าห้องขนาด 26 ตร.ม. แต่ฟังก์ชั่นดูลงตัวมองกว่า อีกอย่างห้องนี้ในมุมมองการลงทุนต้นทุนก็ถูกด้วยครับ ในขณะที่ปล่อยได้ราคามากกว่าการลงทุน : เรื่องของการลงทุน สำหรับโครงการนี้ผมมองว่าตอบโจทย์ลูกค้าทั้งที่อยู่อาศัยเองและลงทุนครับ เพราะโครงการนี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้ออยู่เอง จะตอบโจทย์เรื่องของการเดินทางและความคุ้มค่า เนื่องจากทำเลดี, ราคาถูกจับต้องได้ และส่วนกลางจัดเต็ม ส่วนในแง่ของการลงทุน Yield ค่าเช่าสำหรับโซนนี้จะอยู่ประมาณ 5-6% (ดูจากข้อมูลของ hipflat ของโครงการฟิวส์ โมเบียส รามคำแหง และ เดอะ เบส พระราม 9) แถมโครงการนี้ยังมีชุดเฟอร์นิเจอร์มาให้พร้อม ดังนั้น หากจะลงทุนก็ได้ต้นทุนต่ำและสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ในราคาดีครับ